จีเอ็ม เลิกจ้างพนักงานหลายร้อยคน เตรียมงบดันผลิตรถอีวี

01 มี.ค. 2566 | 17:17 น.

จีเอ็ม ประกาศเลิกจ้างพนักงานประจำทั่วโลกอีกนับร้อย เพื่อลดค่าใช้จ่าย ก่อนเปลี่ยนผ่านสู่แผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวในอนาคต ซึ่งมีต้นทุนผลิตสูงขึ้น 40% เผยไม่อยากผลักภาระต้นทุนไปที่ผู้ซื้อรถ

จีเอ็ม (General Motors) กำลังลดจำนวนพนักงานทั่วโลกโดยไม่ระบุจำนวนที่แน่ชัด  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะลดค่าใช้จ่ายเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดรถยนต์ ที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี

“เรากำลังมองหาทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบริหารจัดการ” อาร์เดน ฮอฟฟ์แมน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของบริษัท กล่าวกับบรรดาพนักงานเมื่อวันอังคาร “สัปดาห์นี้เราจะดำเนินการกับผู้บริหารและพนักงานในจำนวนเล็กน้อย โดยดูจากประสิทธิภาพการทำงาน และพวกเขาจะออกต้องจากบริษัทตั้งแต่วันนี้”

เบื้องต้นคาดว่ามีการเลิกจ้างพนักงานจำนวนหลักร้อย ปัจจุบัน จีเอ็มในสหรัฐ มีพนักงานประจำที่ได้รับเงินเดือน 58,000 คน และพนักงานพาร์ทไทม์รายชั่วโมง 46,000 คน โดยพนักงานจีเอ็มในสหรัฐถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดจากพนักงาน 167,000 คนทั่วโลก

จีเอ็มเพิ่งรายงานผลกำไรประจำปี 2565 ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้ประกาศแผนลดต้นทุน 2 พันล้านดอลลาร์ในอีก 2 ปีข้างหน้า รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายของบริษัท แต่ในเวลานั้น แมรี บาร์รา ซีอีโอ บอกกับนักลงทุนว่า " เราไม่ได้วางแผนที่จะปลดพนักงาน แต่เรากำลังจำกัดการจ้างงานของเราให้เป็นไปตามกลยุทธ์มากที่สุดเท่านั้น”

คำแถลงของฮอฟฟ์แมนต่อพนักงานกล่าวว่าการลดงานเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ “การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมขั้นพื้นฐานเพื่อให้มีการขับเคลื่อนด้วยผลงานและมีความรับผิดชอบมากขึ้น”

ที่ผ่านมา จีเอ็มลงทุนด้วยงบประมาณจำนวนมาก เพื่อเปลี่ยนผ่านจากการผลิตจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแบบดั้งเดิมไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน แม้ว่าในที่สุดจะลดต้นทุนแรงงานได้ เพราะการผลิตรถยนต์ EV ใช้เวลาผลิตน้อย จึงไม่จำเป็นต้องจ้างแรงงานหลายชั่วโมง แต่ต้องใช้เงินลงทุนล่วงหน้าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งจีเอ็มมีแผนจะลงทุนอีก 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ระหว่างนี้ถึงปี 2568  เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เป้าหมายคือมีรถยนต์ EV ครบทุกรุ่นภายในปี 2578

 

 

มีรายงานว่า จีเอ็มได้ย้ายฐานการผลิตโรงงานผลิตรถยนต์แบรนด์ในเครือ  เพื่อลดต้นทุน เนื่องจากคาดการณ์ว่า ต้นทุนการผลิต EV จะเพิ่มขึ้นอีกมากในระยะเวลาอันใกล้นี้ จำเป็นต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีรถ EV นั้นมีราคาแพงกว่าเทคโนโลยีทั่วไปถึง 40% ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น 40%  จะทำอย่างไร มันเป็นเงินจำนวนมาก และจีเอ็มไม่สามารถผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภคได้

นอกจากจีเอ็ม อีกหนึ่งบริษัทรถยนต์อย่าง “ฟอร์ด” ซึ่งกำลังเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นของการเปลี่ยนไปผลิตรถ EV ก็ดำเนินการลดตำแหน่งงานลงเป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเพิ่งประกาศลดพนักงาน 3,800 ตำแหน่งทั่วยุโรปเมื่อต้นปี

ทั้งฟอร์ด และจีเอ็ม ยังเผชิญกับการเจรจาสัญญากับสหภาพแรงงานด้านยานยนต์ฯ ของสหรัญ (UAW) เกี่ยวกับข้อตกลงด้านแรงงานใหม่สำหรับพนักงานรายชั่วโมงในฤดูใบไม้ร่วงนี้ เพราะเมื่อปี 2562 สหภาพแรงงานจีเอ็ม เคยหยุดงานประท้วงเป็นเวลาถึง 6 สัปดาห์ ก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงในสัญญาฉบับปัจจุบัน

 

ที่มา : Cnn