รู้จัก "คริส ฮิปกินส์" นายกฯนิวซีแลนด์คนใหม่ กับ “เผือกร้อน”ในมือ

25 ม.ค. 2566 | 08:14 น.

“คริส ฮิปกินส์” สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์อย่างเป็นทางการในวันนี้ (25 ม.ค.) แม้จะเป็น รมต.มาหลายกระทรวง แต่หนทางข้างหน้าก็มีโจทย์ใหญ่รออยู่เพียบ

 

หลังจากที่ นางจาซินดา อาร์เดิร์น ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ชื่อของ “คริส ฮิปกินส์”ก็ถูกเสนอเป็นแคนดิเดตคนเดียวที่จะขึ้นรับตำแหน่งแทน และวันนี้ (25 ม.ค.) เขาก็ได้เข้าพิธีปฏิญาณตน ณ รัฐสภา รับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นคนที่ 41 อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีนางคาร์เมล เซปูโลนีเป็นรองนายกรัฐมนตรี

คริส ฮิปกินส์ เป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรครัฐบาลนิวซีแลนด์เช่นเดียวกับนางจาซินดา อาร์เดิร์น เขาจะอยู่ในตำแหน่งไปจนถึงการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14 ต.ค. ปีนี้ (2566) ซึ่งหมายความว่าเขามีเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่จะพิสูจน์ผลงานของตัวเอง และสร้างความนิยมให้กับทางพรรคเพิ่มขึ้น ท่ามกลางช่วงเวลาที่ความเชื่อมั่นในรัฐบาลลดลงอย่างมากจากสารพัดปัญหาที่รุมเร้า

แต่ที่สำคัญที่สุดคือปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจครัวเรือนที่ย่ำแย่ลงขณะที่ค่าครองชีพและเงินเฟ้อขยับสูง ซึ่งเหล่านี้แม้เป็นปัญหาที่ส่งผ่านมาตั้งแต่สมัยการบริหารของนางอาร์เดิร์น แต่ถึงตอนนี้ เป็นหน้าที่และภารกิจสำคัญที่ฮิปกินส์จะต้องรับไป เปรียบได้กับ “เผือกร้อน” ที่ต้องทำให้ผ่านพ้นมือไปโดยไว

คริส ฮิปกินส์ เข้ารับตำแหน่งนายกฯนิวซีแลนด์คนใหม่ พร้อมกับโจทย์ใหญ่ที่รออยู่

ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ฮิปกินส์จะทำการปรับคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า โดยตัวเขาเองจะดำรงอีกตำแหน่ง คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติและข่าวกรองพ่วงไปด้วย

พร้อมกันนี้ ยังประกาศในวันปฏิญาณตนรับตำแหน่งว่า สิ่งที่รัฐบาลของเขาจะพุ่งเป้าแก้ไขโดยให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคือ “ปัญหาเงินเฟ้อ” ซึ่งอยู่ที่ระดับราว 7.2%

 

ประวัติส่วนตัวและการทำงาน

นายคริส ฮิปกินส์ วัย 44 ปี ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคแรงงานเพียงชื่อเดียว คนเดียว ให้เป็นทั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งเป็นนายกฯคนที่ 41 ของประเทศนิวซีแลนด์ หลังจากได้รับแต่งตั้งจากผู้สำเร็จราชการแทนสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร (จากการที่นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศเครือจักรภพ) เขากล่าวตอบรับว่า นี่เป็นสิทธิพิเศษและเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต แต่ก็รู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและตื่นเต้นกับความท้าทายที่รออยู่

  • คริส ฮิปกินส์ หรือในชื่อเรียกเต็มๆ “คริสโตเฟอร์ จอห์น ฮิปกินส์” (Christopher John Hipkins) เกิดในครอบครัวรายได้ปานกลางเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ.1978 ที่เมืองฮัตต์ แวลลีย์ (Hutt Valley) ในเวลลิงตัน (Wellington) พ่อแม่ของเขาไม่ใช่คนมีฐานะ ทั้งคู่ต้องทำงานหนักมาก เพื่อจะให้เขากับพี่ชายได้มีชีวิตที่ดี คริสเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนประถมวอเตอร์ลู (Waterloo Primary School) จากนั้นไปต่อระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่ Hutt Intermediate School และมัธยมปลายที่ Hutt Valley Memorial College หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ เพนโทน คอลเลจ (Petone College) ฮิปกินส์ได้เป็นประธานนักเรียนในปี 1996
  • ต่อมาเขาเข้ารับการศึกษาระดับปริญญาตรี (ศิลปศาสตรบัณฑิต) จบการศึกษาเอกการเมืองและอาชญาวิทยา จากมหาวิทยาลัยวิกตอเรีย ความเป็นผู้นำของเขายังคงฉายแสงโดดเด่นในฐานะประธานนักศึกษาในปี 2000 และ 2001 ขณะเดียวกันก็มีความเป็นนักกีฬา โดยกิจกรรมกลางแจ้งที่ชื่นชอบ คือ การปั่นจักรยานเสือภูเขา การเดิน และว่ายน้ำ
  • ฮิปกินส์เริ่มแสดงความสนใจทางการเมืองตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาชั้นปี1 ที่มหาวิทยาลัยวิกตอเรีย แถมยังเคยถูกจับกุมในข้อหาประท้วงต่อต้านนโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาลในปี 1997 ทำให้ต้องใช้เวลาถึง 12 ปีต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมร่วมกับผู้ร่วมประท้วงที่ถูกจับกุมด้วยกัน กระทั่งศาลตัดสินว่า ผู้ชุมนุมไม่ผิด ทำให้พวกเขาได้รับคำขอโทษและได้รับเงินชดเชยด้วย
  • หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ฮิปกินส์ทำงานด้านการฝึกอบรมในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการเป็นที่ปรึกษาให้กับสมาพันธ์การฝึกอบรมอุตสาหกรรมแห่งนิวซีแลนด์ และเป็นผู้จัดการฝ่ายฝึกอบรมให้กับบริษัท ท็อดด์ อิเนอร์จี (Todd Energy) ซึ่งเป็นบริษัทด้านก๊าซธรรมชาติชั้นแนวหน้าของนิวซีแลนด์ จากนั้นจึงเข้าสู่เส้นทางการเมืองอย่างเต็มตัว
  • เริ่มจากการทำงานในรัฐสภาเป็นที่ปรึกษาอาวุโสให้กับนายเทรเวอร์ มัลลาร์ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในเวลานั้น และต่อมายังเป็นที่ปรึกษาอาวุโสในสำนักงานนายกรัฐมนตรีสมัยนางเฮเลน คลาร์ก เป็นนายกรัฐมนตรี  

 

ฮิปกินส์แยกทางกับอดีตภรรยาในปี 2022 ทำให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีชายโสดคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของนิวซีแลนด์

  • ต่อมาในปี 2008 ฮิปกินส์เข้าเป็นสมาชิกรัฐสภานิวซีแลนด์จากการเลือกตั้งทั่วไป ในฐานะผู้สมัครของพรรคแรงงาน เขาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนฯ ของเขตรีมูทากา (Remutaka) หลังจากนั้นมา ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนฯมาทุกสมัย แต่ช่วง 9 ปีแรกของการเป็นผู้แทนฯ พรรคแแรงงานของเขาเป็นพรรคฝ่ายค้าน ฮิปกินส์ได้เป็นโฆษกของพรรคแรงงานด้านกิจการภายใน และเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการรัฐสภาด้านการบริหารราชการแผ่นดิน การปกครองส่วนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน

 

ประสบการณ์คร่ำหวอด ผ่านมาหลายกระทรวง

  • ต้นปี 2013 เขาได้เป็นโฆษกคณะกรรมาธิการด้านการศึกษา ซึ่งเป็นบทบาทหน้าที่ที่ตรงกับความสนใจของเขามากที่สุด แสงสปอตไลท์เริ่มจับในปี 2017 เมื่อคริส ฮิปกินส์ ได้เป็นรัฐมนตรีอันดับที่ 6 ของพรรคแรงงานที่ได้รับมอบหมายให้เป็น รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
  • ต่อมาในปี 2020 หลังการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขของนายเดวิด คลาร์ก เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม นางจาซินดา อาเดิร์น ที่เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็ได้แต่งตั้งให้ฮิปกินส์เป็น รัฐมนตรีสาธารณสุขชั่วคราว พ่วงอีกตำแหน่ง โดยให้เขาดำรงตำแหน่งจนถึงการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนตุลาคมปีเดียวกันนั้น
  • และในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขนี้เองที่ผลงานของฮิปกินส์เข้าตาประชาชนอย่างจัง ทำให้ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2020 เขาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ได้คะแนนเกือบสูงสุด เป็นรองก็แต่เพียงนางจาซินดา อาร์เดิร์น เท่านั้น
  • หลังการเลือกตั้งในปีนั้น ซึ่งเป็นสมัยที่รัฐบาลพรรคแรงงานได้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่องอีกสมัย ฮิปกินส์ ยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการต่อไปอีก ขณะเดียวกันยังได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีรับมือโควิด-19 และ รัฐมนตรีกระทรวงบริการสาธารณะ ด้วย จากนั้นในต่อมา ยังได้รับมอบตำแหน่ง รัฐมนตรีกระทรวงตำรวจควบเข้าไปอีก

สื่อต่างประเทศรายงานว่า จากประสบการณ์ในหลายกระทรวงและผลงานที่โดดเด่นในการทำงานรับมือโควิด-19 ทำให้เขาได้รับคะแนนนิยมจากประชาชน และแน่นอนว่า ณ ขณะนี้ในฐานะนายกรัฐมนตรี คริส ฮิปกินส์ จึงเป็นขุนพลของพรรคแรงงานที่จะได้ลุยศึกเลือกตั้งสมัยหน้าที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 14 ตุลาคมนี้

ความท้าทายที่นายฮิปกินส์จะต้องเผชิญในเบื้องหน้า คือการนำพาพรรคแรงงานที่กำลังมีคะแนนนิยมลดลงให้กลับมาได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนอีกครั้ง ผ่านการแก้ไขปัญหาปากท้อง ความยากจน ปัญหาสินค้าราคาแพง เงินเฟ้อ และคดีอาชญากรรมที่พุ่งสูง อย่างไรก็ตาม ฮิปกินส์มั่นใจว่าเขาพร้อม และสามารถนำพาพรรคชนะการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น