วัยรุ่นออสซี่ถูกจับกุมข้อหาผลิตปืนเถื่อนด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ

15 มิ.ย. 2565 | 08:19 น.

ตำรวจกุมขมับไล่จับเทคโนโลยีด้านมืด ล่าสุดตำรวจออสเตรเลียจับกุมวัยรุ่นผลิตปืนแบบ "โฮมเมด" ด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติภายในบ้าน ต้นทุนถูก ผลิตไม่ยุ่งยาก 2 วันเสร็จ เผยปืนดังกล่าวแม้จะดูเหมือนของเล่น แต่ก็สามารถใช้งานได้และเป็นอันตรายเหมือนปืนปกติ

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ตำรวจในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ได้จับกุมวัยรุ่นชายชาวออสเตรเลียอายุ 18 ปี หลังพบว่า เขาสามารถ ผลิตอาวุธปืนด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) โดยตำรวจตั้งข้อหาวัยรุ่นรายนี้กระทำความผิดเกี่ยวกับปืน

 

ในการเข้าตรวจค้นบ้านและจับกุมครั้งนี้ ตำรวจสามารถยึดอาวุธปืนที่ทำจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ และอาวุธปืนอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่งด้วย 


เจ้าหน้าที่ตำรวจแบลร์ สมิธ เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (14 มิ.ย.) ว่า อาวุธปืนที่ผลิตจากระบบการพิมพ์ 3 มิติที่ถูกยึดไว้เป็นของกลางนี้ ถึงแม้จะดูเหมือนของเล่น แต่ก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงในชุมชนได้ นับเป็นเรื่องน่ากังวลอย่างยิ่งที่วัยรุ่นชายคนนี้สามารถผลิตอาวุธปืนนี้ได้ที่บ้านของเขาเองด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติและวัสดุที่หาได้ง่ายๆ

ต้นทุนไม่แพง ผลิตจากพลาสติก ใช้เวลาพียง 2 วัน

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า อาวุธปืนพลาสติกดังกล่าวสามารถยิงได้ 15 นัดในการเหนี่ยวไกครั้งเดียว ใช้เวลาเพียง 2 วันในการผลิต นอกจากนี้ วัสดุที่ใช้ยังมีราคาต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราวๆ 970 บาทเท่านั้น

เมื่อเสร็จแล้ว หน้าตาเหมือนของเล่น แต่อันตรายและใช้งานได้เหมือนปืนจริง
ตำรวจไม่ได้เปิดเผยชื่อวัยรุ่นรายนี้ เพียงแต่ระบุว่า เขาถูกตั้งข้อหาผลิตอาวุธปืนและกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังมีข้อหาการครอบครองอาวุธต้องห้าม มีกำหนดถูกนำตัวขึ้นศาลในสัปดาห์หน้า


เมื่อปี 2564 รัฐบาลท้องถิ่นรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียได้เสนอแก้กฎหมายเกี่ยวกับปืนเพื่อบังคับให้การผลิตอาวุธปืนพลาสติกด้วยการพิมพ์ 3 มิติเป็นเรื่องผิดกฎหมาย โดยเสนอบทลงโทษให้ผู้ที่ผลิต หรือแนะนำวิธีการผลิต มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี

ทั้งนี้ ข่าวระบุว่า ในออสเตรเลีย กฎหมายห้ามพลเรือน ไม่ให้ครอบครองอาวุธอัตโนมัติเต็มรูปแบบ และการเป็นเจ้าของปืนอื่น ๆ ทั้งหมดนั้น ก็ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดและจำกัดเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีที่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องเท่านั้น กฎหมายนี้ถูกนำมาใช้ในปี 1996 (พ.ศ.2539) หลังจากมีเหตุมือปืนเปิดฉากยิงนักท่องเที่ยวที่เมืองพอร์ตอาร์เธอร์ในรัฐแทสเมเนีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 35 ราย