“คาร์บอมบ์ลิเวอร์พูล”จุดชนวน อังกฤษยกระดับเตือนภัยก่อการร้าย

กระทรวงมหาดไทยของอังกฤษประกาศยกระดับภัยคุกคามจากการก่อการร้ายสู่ระดับ "severe" เมื่อวานนี้ (15 พ.ย.)  ซึ่งหมายความว่า "มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดการก่อการร้าย" จากเดิมอยู่ที่ระดับ "substantial" ซึ่งหมายความว่า "มีแนวโน้มที่จะเกิดการก่อการร้าย"

การยกระดับภัยคุกคามดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเกิดเหตุโจมตีในอังกฤษถึง 2 ครั้งในช่วงเวลาเพียง 1 เดือน

ทั้งนี้ ตำรวจอังกฤษได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชาย 4 คนข้อหาพัวพันการก่อเหตุระเบิดรถแท็กซี่คันหนึ่งที่เมืองลิเวอร์พูลเมื่อวันอาทิตย์ (14 พ.ย.) โดยเจ้าหน้าที่ระบุชัดแล้วว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการ “ก่อการร้าย” โดยผู้โดยสารที่นั่งในรถแท็กซี่เป็นผู้จุดชนวนระเบิดด้านหน้าโรงพยาบาลหญิงของเมืองลิเวอร์พูล เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผู้โดยสารซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวเสียชีวิต ขณะที่คนขับรถแท็กซี่ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม ตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนเพื่อหาแรงจูงใจของคนร้ายในการก่อเหตุครั้งนี้

ข่าวระบุในเวลาต่อมาว่า ชายผู้โดยสารซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุและจุดชนวนระเบิดคือ นาย เอหมัด อัล-สวีลมีน อายุ 32 ปี เขาเป็นผู้ลี้ภัยมาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ อาศัยอยู่ในย่านถนนซัตไคลฟฟ์ เมืองลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นจุดที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวนหนึ่งเมื่อวานนี้ (15 พ.ย.) การสอบสวนยังนำไปสู่การตรวจค้นที่พักอีกแห่งหนึ่งบนถนนรัตแลนด์ที่นายอัล-สวีลมีนเช่าไว้ และที่นั่นตำรวจพบวัตถุสำหรับการประกอบระเบิด 

สื่อท้องถิ่นของอังกฤษรายงานว่า เหตุก่อการร้ายในอังกฤษครั้งล่าสุดก่อนหน้าครั้งนี้ เกิดขึ้นกับเซอร์ เดวิด อาเมส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ ได้ถูกคนร้ายคนหนึ่ง แทงจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เขาอยู่ในโบสถ์แห่งหนึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ โดยตำรวจสามารถจับกุมนายอาลี ฮาร์บี อาลี ซึ่งเป็นมือมีด บุคคลผู้นี้เคยถูกตั้งข้อหาเตรียมการก่อการร้ายในระหว่างวันที่ 1 พ.ค.2562-28 ก.ย.2564

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวประณามการก่อเหตุระเบิดครั้งนี้ว่า เป็นการโจมตีที่ "น่าสะอิดสะเอียน" แต่อังกฤษจะไม่มีวันหวาดกลัวและก้มหัวให้กับการก่อการร้ายหรือใครก็ตามที่พยายามสร้างความแตกแยกด้วยการสร้างความรุนแรงอย่างไร้สติ