ผู้ลงทุนรายย่อยในวอลล์สตรีทเปิดศึกเฮดจ์ฟันด์รอบใหม่ ดันราคาโลหะเงินพุ่งทุบสถิติ

02 ก.พ. 2564 | 00:33 น.

ผู้ลงทุนรายย่อยในวอลล์สตรีทเริ่มใช้กลยุทธ์เดิมที่เคยใช้ดันหุ้นบริษัท “เกมสต็อป” (GameStop) สำเร็จมาแล้วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ครั้งใหม่นี้พุ่งเป้าไปที่ราคาโลหะเงินที่พุ่งทะลุ 30 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 ปี

ราคาโลหะเงิน พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องวานนี้ (1 ก.พ. เวลาท้องถิ่นสหรัฐ) โดยล่าสุดทะยานขึ้นเหนือ 30 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่า ราคาโลหะเงินแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี หลังมีข่าวว่า กลุ่มนักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ได้เล็งเป้าหมายใหม่เป็นโลหะเงินเพื่อดันราคาขึ้น หลังจากที่ได้ใช้กลยุทธ์ในลักษณะเดียวกันนี้สำเร็จมาแล้วกับ หุ้นบริษัทเกมสต็อป (GameStop) ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐ เพื่อสั่งสอน กองทุนเฮดจ์ฟันด์ รายใหญ่ที่มักเก็งกำไรด้วยการขายชอร์ตในตลาด

 

ข่าวระบุว่า สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นกว่า 11%  ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่ที่ได้พุ่งขึ้น 13% ในเดือนมี.ค.2552 นอกจากนี้ ราคาสัญญาโลหะเงินได้ดีดตัวแตะ 30.03 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2556

 

ทั้งนี้ นอกจากราคาโลหะเงินแล้ว ราคาหุ้นและกองทุนที่เกี่ยวข้องกับโลหะเงิน รวมทั้งหุ้นในกลุ่มเหมืองแร่ก็ได้ทะยานขึ้นตาม ๆกัน

 

กลุ่มนักลงทุนรายย่อยในห้อง WallStreetBets ซึ่งมีสมาชิกกว่า 7.6 ล้านรายบนเว็บบอร์ด Reddit ได้หันมาเล็งเป้าหมายตลาดโลหะเงินในขณะนี้ โดยชักชวนกันให้ทุ่มซื้อโลหะเงินเพื่อกดดันให้เฮดจ์ฟันด์ต้องกลับเข้าซื้อคืนสัญญาโลหะเงินเพื่อตัดขาดทุน หลังจากที่ได้ขายชอร์ตก่อนหน้านี้ โดยเก็งว่าราคาโลหะเงินมีแนวโน้มในช่วงขาลงต่อไป

แพลตฟอร์มซื้อขายสัญญาโลหะเงินหลายแห่ง ซึ่งรวมถึง Money Metals, SD Bullion, JM Bullion และ Apmex ต่างก็รายงานคำสั่งซื้อโลหะเงินจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

สื่อรายงานว่า ปรากฎการณ์ GameStop ซึ่งได้สร้างความผันผวนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก โดยคาดว่ายอดขาดทุนจะสูงถึง 19,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 570,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าเฉพาะวันพุธที่ผ่านมาเพียงวันเดียว (27 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ราคาหุ้น GameStop พุ่งขึ้น 135%  เฮดจ์ฟันด์ประสบภาวะขาดทุนกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์

 

นักวิเคราะห์อธิบายว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น GameStop พุ่งขึ้นถึง 1,700% เมื่อเทียบกับต้นปี ซึ่งสภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นสหรัฐได้เล็งเป้าหมายที่จะผลักดันราคาหุ้น GameStop ให้สูงขึ้นเพื่อกดดันให้เฮดจ์ฟันด์ต้องกลับเข้าซื้อคืนหุ้นดังกล่าวเพื่อตัดขาดทุน หลังจากที่ได้ขายชอร์ตก่อนหน้านี้ โดยเก็งว่า GameStop จะต้องปิดกิจการในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เริ่มมีความวิตกกันว่า หากหุ้น GameStop ยังคงพุ่งขึ้นต่อไปไม่หยุด ก็จะทำให้เฮดจ์ฟันด์พากันเทขายหุ้นอื่นในตลาดเพื่อระดมเงินมาชดเชยผลขาดทุนจากการเก็งกำไรใน GameStop แทน

 

ที่สำคัญคือ ยังมีความกังวลกันว่า ปรากฎการณ์ GameStop จะเป็นการส่งสัญญาณถึงการเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาด ซึ่งหากฟองสบู่แตก ก็จะสร้างความตื่นตระหนก และกระทบนักลงทุนรายย่อยอย่างหนัก

 

ขณะเดียวกัน ปริมาณการซื้อขายหุ้นได้พุ่งขึ้นอย่างมากจากการที่นักลงทุนแห่ซื้อหุ้น GameStop โดยวอลุ่มการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้พุ่งขึ้นมากกว่า 2.37 หมื่นล้านหุ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (27 ม.ค.) โดยสูงกว่าระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ในช่วงเกิดวิกฤตการเงินในปี 2551

 

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายวิลเลียม กาลวิน เลขาธิการรัฐแมสซาชูเซทส์ ได้เรียกร้องให้ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) สั่งระงับการซื้อขายหุ้น GameStop เป็นเวลา 30 วัน เพื่อลดความผันผวนในตลาด สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ไม่เพียงสร้างความปั่นป่วนในวอลล์สตรีท แต่ยังได้สร้างความกังวลต่อหลายฝ่ายในสหรัฐ รวมทั้งหน่วยงานที่กำกับดูแลและกำหนดนโยบายอย่างทำเนียบขาว สภาคองเกรส รวมทั้งคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ที่ออกมาประกาศจับตาติดตามความเคลื่อนไหวและตรวจสอบในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด  

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มะกันสอบวุ่นเบื้องหลังหุ้น GameStop พุ่ง ป่วนวอลล์สตรีท

GameStop สงคราม(หุ้น)ประชาชน

ชวนคิด ตามติดปรากฏการณ์ GameStop

ดาวโจนส์ปิดร่วง 620 จุด วิตกปั่นหุ้นGameStop ฉุดตลาด