ต้องถือว่า “เคราะห์ซ้ำกรรมซัด” เมื่อ ภาพยนตร์เรื่อง “มู่หลาน” ของค่ายดิสนีย์ที่เจอ “โรคเลื่อน” ถูกขยับกำหนดลงโรงเข้าฉายทั่วโลกมาหลายครั้งเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้โรงภาพยนตร์ถูกสั่งปิดชั่วคราวในหลายประเทศ แต่เมื่อเหตุการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย บริษัทมีกำหนดนำภาพยนตร์เข้าฉายต้นเดือนก.ย.นี้ ก็ต้องพบอุปสรรคลูกใหม่โถมกระแทก เมื่อกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ผนึกพลังระหว่างประเทศ ครอบคลุมฮ่องกง ไต้หวัน ไทย เป็นที่รู้จักในนาม “พันธมิตรชานม” หรือ Milk Tea Alliance ออกมารณรงค์ผู้ชมให้ร่วมกันแบนภาพยนตร์เรื่องนี้ กระทั่งเกิด แฮชแท็ก #BoycottMulan #BanMulan ว่อนเน็ตในขณะนี้
ทำไมต้องแบน ใครคือ “พันธมิตรชานม”
พันธมิตรชานม หรือ Milk Tea Alliance เป็นกลุ่มความร่วมมือใหม่ที่นำโดยภาคพลเมืองในภูมิภาคเอเชีย เป็นพลังของคนรุ่นใหม่และเยาวชนที่เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยไม่ว่าจะเป็นในฮ่องกง ไต้หวัน หรือไทย ซึ่งในฮ่องกงและไต้หวันนั้น เป็นการเรียกร้องประชาธิปไตยพ่วงการต่อต้านจีนแผ่นดินใหญ่ ขณะที่ในไทยเป็นการเรียกร้องประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการเป็นหลัก แต่ก็มีการเชื่อมโยงกับการต่อต้านอิทธิพลจีนเช่นกัน เนื่องจากต้นกำเนิดแฮชแท็ก # MilkTeaAlliance ที่ต่อมาก่อเกิดเป็นความร่วมมือในกิจกรรมความเคลื่อนไหวทางการเมืองระหว่างประเทศนั้น จะว่าไปแล้วก็ถือกำเนิดในประเทศไทยนี่เอง
จากเหตุการณ์ดราม่าร้อนแรงในโลกโซเชียลมีเดียเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา กรณีนักแสดงหนุ่ม ไบร์ท วชิรวิชญ์ จากซีรีส์วาย “เพราะเราคู่กัน” ที่ดังไกลไปถึงเมืองจีน ได้รีทวีตภาพถ่ายภาพหนึ่งที่ไปเรียกฮ่องกงว่า “ประเทศ” สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ตฝั่งชาวจีนชาตินิยมที่แย้งว่า ฮ่องกงเป็นของจีน แม้ว่านักแสดงหนุ่มจะออกมาขออภัยอย่างรวดเร็ว แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้เกิดการโต้เถียงระหว่างชาวเน็ตไทย-จีน และลุกลามจากการวิวาทะบนโลกโซเชียลมีเดียที่เริ่มจากแฟนคลับชาวไทยที่ออกมาปกป้องนักแสดงหนุ่มกับกลุ่มชาตินิยมจีน กลายเป็นการวิพากษ์วิจารณ์อิทธิพลจีนที่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากคนรุ่นใหม่ในฮ่องกงและไต้หวัน ทำให้แม้แต่สถานทูตจีนในประเทศไทย ยังต้องออกมาแถลง 3 ภาษาเน้นย้ำถึงหลักการจีนเดียว (หนึ่งประเทศ สองระบบ)
แฮชแท็กพันธมิตรชานมเกิดขึ้น จากชื่อเรียกเครื่องดื่มยอดนิยมของประเทศในเอเชียที่แม้จะมีความแตกต่างกันไปบ้าง เช่นในไทยก็เป็นชาไทย(ใส่นม) ไต้หวันเป็นชานมไข่มุก และฮ่องกงก็มีชานมฮ่องกง ทั้งหมดทั้งมวลแตกต่างจากชาจีนแผ่นดินใหญ่ที่ “ไม่นิยมดื่มชาใส่นม” นัยยะดังกล่าวเริ่มมีการนำไปใช้ในความเคลื่อนไหวต่อต้านอิทธิพลจีนในประเทศอื่น ๆ ด้วยแล้วเช่นกัน เช่นในอินเดียและออสเตรเลีย
สำหรับพันธมิตรชานม 3 กลุ่มแรกคือ ไทย ฮ่องกง และไต้หวัน นั้น ก่อนการออกมาแสดงพลังร่วมกันครั้งล่าสุดในการต่อต้านภาพยนตร์ “มู่หลาน” นั้น มีการจัดกิจกรรมเกื้อหนุนกันมาหลายครั้งแล้ว เช่นในการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนไทยเรียกร้องประชาธิปไตยภายใต้ชื่อกลุ่มเยาวชนปลดแอกเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา นายโจชัว หว่อง แกนนำเรียกร้องประชาธิปไตยและตัวแทนของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในฮ่องกง ก็ยังโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ @joshuawongcf กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกว่า เขาขอ “สนับสนุนเพื่อนชาวไทยของเรา ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” (Support our Thai fellows in their fight for democracy)
หว่องยังระบุว่า ชาวฮ่องกงไม่มีวันลืมเพื่อนชาวไทยที่ร่วมยืนหยัดกับเรา(ชาวฮ่องกง) ต่อต้านกับพวกเกรียนบนโลกออนไลน์ (Troll) ที่เป็นพวกชาตินิยมจีนในช่วงเหตุการณ์ nnevvy (การปะทะคารมในโลกทวิตเตอร์ระหว่างแฟนคลับของไบร์ท วชิรวิชญ์ กับชาวจีนชาตินิยม) และยังเปล่งเสียงสนับสนุนเรา ท่ามกลางการกดขี่โดยอำนาจเผด็จการของทางการจีนในฮ่องกง ภายใต้ชื่อพันธมิตรชานม (Milk Tea Alliance)
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ท่ามกลางกระแสการรณรงค์ต่อต้านภาพยนตร์มู่หลาน เราจึงได้เห็นนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ผู้ซึ่งได้รับสมญานามว่า “โจชัว หว่อง เมืองไทย” โพสต์เฟซบุ๊กเคลื่อนไหวทางสังคมอีกครั้ง โดยเขาถือกระดาษเขียนข้อความไม่สนับสนุนภาพยนตร์เรื่อง "มู่หลาน" ที่เข้าฉายในประเทศไทยเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่า ที่ต้องต่อต้านภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็เพราะนักแสดงหลักที่สวมบทบาทมู่หลาน คือหลิว อี้ เฟย (Liu Yifei) ได้เคยแสดงจุดยืนทางการเมืองอย่างชัดเจนว่า เธอสนับสนุนตำรวจฮ่องกง ที่ใช้กำลังเข้าจับกุมและปราบปรามผู้ชุมนุมเรียกร้องเสรีภาพและประชาธิปไตยในฮ่องกง
“ผมขอเชิญชวนทุกคน #BoycottMulan #BanMulan และแบนโฆษณาที่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงของรัฐต่อผู้ชุมนุม เพื่อให้ทางดีสนีย์ บริษัทต่าง ๆ และรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนรู้ว่า การใช้ความรุนแรงของรัฐที่ละเมิดเสรีภาพของผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราในฐานะประชาชนสามารถกระทำได้อยู่แล้วนั้น เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ตามระบอบประชาธิปไตย และยอมรับไม่ได้ในโลกสากล” เนติวิทย์ระบุ
หลิว อี้ เฟย พูดว่าอะไร
"หลิว อี้ เฟย" นักแสดงสาวชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ซึ่งรับบทเป็น “มู่หลาน” เคยแสดงความเห็นสนับสนุนตำรวจฮ่องกงในการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเธอได้โพสต์ข้อความในเว่ยป๋อ (Weibo) โซเชียลมีเดียของจีนเพื่อสนับสนุนตำรวจฮ่องกงในเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในเดือนส.ค. 2562
นักแสดงสาววัย 33 ปีใช้ข้อความแสดงความเห็นในครั้งนั้นว่า "ฉันสนับสนุนตำรวจฮ่องกง เชิญพวกคุณทั้งหลายมารุมฉันได้เลย ช่างน่าละอายจริง ๆนะฮ่องกง"
การแสดงท่าทีดังกล่าวสร้างความไม่พอใจ และทำให้เกิดแฮชแท็ก #BoycottMulan หรือคว่ำบาตรมู่หลาน ซึ่งติดอันดับยอดนิยมในทวิตเตอร์อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ในประเทศจีนก็มีชาวจีนชาตินิยมที่ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนดาราสาวเช่นกัน
กระแสต่อต้านดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีนกับฮ่องกงและไต้หวัน ขณะที่จีนเดินหน้าสกัดกั้นกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นกิจกรรมเพื่อสนับสนุนประชาธิปไตยและการแยกตัวจากจีนทั้งในฮ่องกงและไต้หวัน แม้ว่าเนื้อหาของภาพยนตร์มู่หลานจะเป็นเรื่องของหญิงสาวผู้เสียสละ รักชาติ และกล้าหาญ แต่การต่อต้านที่เกิดขึ้นนี้เป็นการต่อต้านนักแสดงสาวหลิว อี้ เฟย เป็นหลัก
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงชาวฮ่องกงเรียก “แอกเนส โจว” แกนนำนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยชาวฮ่องกงว่า เธอคนนี้ต่างหากที่เป็น“มู่หลานตัวจริง” และเธอคือ “มู่หลานของพวกเรา”
วิบากกรรมของภาพยนตร์มู่หลาน
เดิมภาพยนตร์มู่หลาน มีกำหนดออกฉายวันที่ 2 พ.ย. 2561 ก่อนจะถูกเลื่อนวันฉายออกไป 3 ครั้ง ต่อมาวันที่ 23 ก.ค. วอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ ได้ประกาศเลื่อนวันฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนดเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทั่งสุดท้าย บริษัทได้ประกาศฉายภาพยนตร์มู่หลาน ในสหรัฐอเมริกาผ่านระบบสตรีมมิ่งในวันที่ 4 ก.ย. ส่วนประเทศไทยและอีกหลายประเทศกำหนดฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา
ข่าวระบุว่า หลังจากมู่หลานเข้าฉายวันแรก ก็สามารถเก็บรายได้จากการฉายรอบแรกเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลไปถึง 2 ล้านบาท ถือเป็นรายได้ที่สูงที่สุดในประเทศไทยนับตั้งแต่รัฐบาลปลดล็อกให้โรงภาพยนตร์เปิดให้บริการได้ นอกจากนี้ ภาพยนตร์ดังกล่าวยังได้รับเสียงวิจารณ์ออกมาในเชิงบวก จนมีการคาดหมายว่า ภาพยนตร์มู่หลานอาจทำรายได้ในประเทศไทยสูงถึง 100 ล้านบาทก็เป็นได้
ทั้งนี้ มู่หลานเคยถูกทำเป็นภาพยนตร์มาครั้งหนึ่งแล้วในรูปแบบการ์ตูนแอนิเมชันในปี 1998 (พ.ศ. 2541) ทำรายได้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาตลอดระยะเวลาการฉายมากกว่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกวาดรายได้ทั่วโลกกว่า 304 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Annie Awards ครั้งที่ 26 ในปีเดียวกันนั้น (เวทีดังกล่าวเป็นการมอบรางวัลในวงการแอนิเมชัน) มากถึง 12 รางวัล ใน 10 สาขา และสามารถคว้ารางวัลในทุกสาขาที่เข้าชิง นับเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในเวทีนี้ของปี 2541 และในปีถัดมาภาพยนตร์มู่หลาน เวอร์ชันการ์ตูนแอนิเมชัน ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์และรางวัลลูกโลกทองคำในสาขาด้านดนตรีประกอบภาพยนตร์อีกด้วย
สำหรับภาพยนตร์มู่หลานเวอร์ชันคนแสดงจริงซึ่งออกฉายในปีนี้ ผู้กำกับ คือ นิกี คาโร ผู้เขียนบท คือ เอลิซาเบธ มาร์ทิน, ลอเรน ไฮเนก, กับริก จัฟฟา และอแมนดา ซิลเวอร์ ผู้อำนวยการผลิต คือ วอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์ เป็นการนำตำนานจีนเรื่อง “ฮวา มู่หลาน” มาดัดแปลง ถ่ายทำในนิวซีแลนด์และจีนช่วงเดือน ส.ค.-พ.ย. 2561 นักแสดงนำ คือ หลิว อี้ เฟย เป็น มู่หลาน นักแสดงสมทบ คือ เจิน จื่อตัน, หลี่ เจี๋ย, อาน โย่วซิน, กง ลี่, และหลี่ เหลียนเจี๋ย (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)