นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO แสดงท่าทีที่อาจสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับผู้นำสหรัฐอเมริกา โดยครั้งนี้ ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ออกมาแถลงการณ์สนับสนุนกระแสการต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและผิวสีที่มีจุดกำเนิดในสหรัฐ และกำลังลุกลามออกไปในหลายประเทศทั่วโลก
นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า WHO สนับสนุนความเท่าเทียมกันและการที่ประชาชนทั่วโลกออกมาแสดงพลังต่อต้านการเหยียดสีผิว แต่ทั้งนี้ ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ชุมนุมจะต้องใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อ่านเพิ่มเติม ทั่วโลกร่วมประท้วงเรียกร้องยุติการเหยียดสีผิว
"WHO สนับสนุนความเสมอภาคและความเคลื่อนไหวต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลกในเวลานี้ แต่เราขอเรียกร้องให้ผู้ประท้วงทั่วโลกดำเนินการด้วยความปลอดภัย โดยรักษาระยะห่างจากอีกคนหนึ่งเป็นระยะทางอย่างน้อยหนึ่งเมตร และให้ล้างมือ มีการปิดปากเวลาไอ และให้สวมหน้ากากอนามัยเวลาชุมนุม" นายแพทย์ทีโดรสกล่าว
นอกจากนี้ นายแพทย์ทีโดรสกล่าวว่า ผู้ที่มีอาการป่วยควรอยู่แต่ในบ้าน และประเทศต่าง ๆ ควรจับตาการชุมนุมภายในประเทศของตัวเองเพื่อไม่ให้ไวรัสโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดใหม่อีกครั้ง
การชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนายจอร์จ ฟลอยด์ หนุ่มผิวสีชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ที่ถูกตำรวจจับกุมด้วยความรุนแรงจนถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมาในเมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินเนโซตา ลุกลามกลายเป็นการประท้วงต่อต้านการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยไม่ชอบธรรมและการประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติทั่วประเทศสหรัฐ และในอีกหลายประเทศทั้งในยุโรป เอเชีย ไปจนถึงแอฟริกา
แต่ลักษณะการรวมตัวกันของชนหมู่มากซึ่งในหลายการชุมนุมมีประชาชนจำนวนหลายร้อยคนและบางครั้งถึงหลักพันคนมาแออัดอยู่ใกล้ชิดกัน บางคนใส่หน้ากากป้องกัน แต่อีกหลายคนก็ไม่ได้ใส่หน้ากาก อีกทั้งยังไม่ได้มีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรคโควิด-19 ทำให้องค์กรด้านสาธารณสุขอย่าง WHO ต้องออกมาติงเตือนและให้คำแนะนำแก่ผู้ชุมนุม เนื่องจากระยะการแสดงอาการของโควิด-19 นั้นอาจใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์ ทำให้ยากที่ประเมินหรือชี้ชัดว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่นั้นเกิดจากการเข้าไปร่วมชุมนุมหรือติดมาจากที่ใด แต่ก็เห็นได้ชัดว่าการเข้าไปร่วมชุมนุมประท้วงอย่างไม่มีการป้องกันหรือระมัดระวังตัวเองนั้น เป็นการนำตัวเองเข้าสู่ความเสี่ยงในการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อเป็นอย่างมาก
อ่านเพิ่มเติม
เพิ่มโทษ 4 อดีตตำรวจคดีฆ่า “จอร์จ ฟลอยด์”
“ทรัมป์”ขู่ใช้กฎหมาย 200 ปี สยบการจลาจลในสหรัฐ
ข้อมูลอ้างอิง
Even In A Pandemic, WHO Believes That Public Protests Are Important