คำต่อคำ : มุมมองกูรูจีน ไวรัสมรณะ เขย่าจีนแรงแค่ไหน?

30 ม.ค. 2563 | 11:43 น.

 

สถานการณ์ไวรัสโคโรนา ไวรัสอู่ฮั่น ไวรัสมรณะ และอื่นๆ ที่มีผู้ให้ฉายาแตกต่างกันไป เวลานี้ยังน่าห่วง จากมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในประเทศจีนเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ  และอีกเกือบ 20 ประเทศพบผู้ติดเชื้อซึ่งรวมทั้งไทย ต่างเฝ้าระวังกันเต็มพิกัด หลายฝ่ายตั้งคำถามสถานการณ์นี้จะกระทบเศรษฐกิจจีนมากน้อยแค่ไหน จะรุนแรงมากกว่าครั้งเกิดโรคซาร์สระบาดในจีนเมื่อปี 2003 (พ.ศ.2546)หรือไม่ ฟังมุมมองจาก รศ.ดร. อักษรศรี พานิชสาส์น ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเทศจีน ที่ได้วิเคราะห์ผ่าน “ฐานเศรษฐกิจ”คำต่อคำ

 

-ขึ้นกับจบสั้นหรือยาว

รศ.ดร.อักษรศรี กล่าวว่า ผลกระทบกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาต่อเศรษฐกิจจีนขอตอบเชิงวิเคราะห์อย่างนี้ว่า ผลกระทบจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปัญหานี้ยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน เป็นปัญหาเพียงแค่ระยะสั้น แล้วรัฐบาลจีนหรือทุกภาคส่วนช่วยกันแก้ไขปัญหาได้ หยุดการระบาดได้ หรือจะลากยาวจนเกิดผลกระทบที่ไม่ใช่แค่เดือนสองเดือน แต่สร้างความหวาดกลัว ความไม่มั่นใจในวงกว้าง จนกระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวมหรือไม่

 

ภายใต้สถานการณ์ที่คาดว่าทางการจีน และทุกภาคส่วน ทั้งองค์การอนามัยโลก และประเทศต่าง ๆ ร่วมกันระงับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาตัวนี้ได้ ก็คาดว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจก็จะมีไม่มาก ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะว่าเมื่อเปรียบเทียบกับกรณีไข้หวัดซาร์สในปี 2003  ซึ่งตอนนั้นก็สามารถขจัดการระบาดของไข้หวัดซาร์สได้ บทเรียนจากครั้งนั้นจะพบว่า ผลประทบจากไข้หวัดซาร์สกระทบแค่ไตรมาสแรก หรือในช่วง 3-4 เดือนที่เกิดการระบาดของโรค แต่ภาพรวมของจีดีพีจีนในปีนั้นทั้งปีก็ยังโตได้

คำต่อคำ : มุมมองกูรูจีน ไวรัสมรณะ เขย่าจีนแรงแค่ไหน?

 

“จริง ๆ แล้วในปี 2003 เศรษฐกิจจีนโตได้ถึงเกือบ  10% ด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่โดนถล่มหนักมากจากไข้หวัดซาร์ส อันนี้คือตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับว่าเขาจะสามารถระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้มากแค่ไหน และคนจะกลับมาจับจ่ายใช้สอยเหมือนเดิมหรือไม่ ภาคธุรกิจ ภาคท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้เร็วหรือไม่”

 

นอกจากการคาดหวังว่า ถ้า Scenario (สถานการณ์) เป็นในเชิงไม่แย่มากก็คือรัฐบาลจีนสามารถระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคนาครั้งนี้ได้ องค์การอนามัยโลกจัดการได้  ประเทศต่าง ๆ จัดการได้ ก็คิดว่าผลกระทบจะจำกัด จะไม่รุนแรงมาก

 

คำต่อคำ : มุมมองกูรูจีน ไวรัสมรณะ เขย่าจีนแรงแค่ไหน?

-ยุคดิจิทัลธุรกิจจีนยังไปได้

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญที่จะมาช่วยเสริมอธิบายว่า ผลกระทบจากไวรัสโคโรนาครั้งนี้อาจจะอยู่ในวงจำกัดก็คือ 1.ในยุคนี้รูปแบบการจับจ่ายใช้สอยของคนจีนเปลี่ยนไป ยุคนี้เป็นยุคดิจิทัล เพราะฉะนั้นแม้ว่าคนจะอยู่บ้านไม่ได้อออกไปจับจ่ายใช้สอยตามร้านค้าทั่วไป เพราะกลัวการติดเชื้อไวรัส แต่ธุรกิจทั้งหลายก็ยังพอเดินหน้าไปได้ เพราะว่าตอนนี้ชีวิตชาวจีนจะอยู่กับออนไลน์ เรียกว่า “ดิจิทัล ไลฟ์ สไตล์” ไม่จำเป็นต้องไปเดินช้อปปิ้งตามร้านค้า ตามห้างฯ หรือตามอะไร แต่สามารถสั่งอาหาร สั่งอะไรก็แล้วแต่ทางออนไลน์ได้

 

“เพราะฉะนั้นถ้าภาคการผลิตสามารถตอบสนองโดยสามารถ Delivery  หรือจัดส่งสินค้าได้ให้กับประชาชนคนจีนทีอยู่ตามที่พักที่ไม่ได้ออกมาเดินตามท้องถนนก็คิดว่าไม่ได้ทำให้ภาคธุรกิจ ภาคการจับจ่ายใช้สอย และการบริโภคของชาวจีนลดลงมากนัก และยังเดินหน้าต่อไปได้”

-โชคดีเกิดช่วงหยุดตรุษจีน

เหตุผลอีกประการหนึ่ง จากการระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งนี้เกิดในช่วงวันหยุดตรุษจีน ซึ่งจริง ๆ แล้วหลายโรงงาน หรือร้านค้าของจีนตั้งใจและวางแผนธุรกิจไว้แล้วว่า ช่วงหยุดตรุษจีนที่เป็น “โกลเด้น วีก” เป็นช่วงที่เขาก็หยุดการผลิต หรือหยุดการทำธุรกิจอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผลกระทบอาจจะไม่ได้รุนแรง เหมือนกรณีหากเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนาในช่วงที่เป็นเวลาปกติของประเทศจีน และที่สำคัญตอนนี้รัฐบาลจีนก็ประกาศขยายระยะเวลาในการหยุดตรุษจีนออกไปอีก 14 วัน เพราะฉะนั้นคิดว่าหลายบริษัทผู้ประกอบการของจีนก็คงกำลังวางแผนว่าจะผลิต ชดเชยเวลาที่สูญเสียไปในช่วงที่ต้องหยุดยาวจากไวรัสโคโรนานี้อย่างไร

คำต่อคำ : มุมมองกูรูจีน ไวรัสมรณะ เขย่าจีนแรงแค่ไหน?

“คิดว่าผลกระทบในแง่นี้อาจจะไม่มาก แน่นอนว่าธุรกิจที่อาจจะกระทบมากอย่างพวกร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม พวกสายการบิน อันนั้นใช่ เพราะอยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่ภาคการผลิตและการจับจ่ายใช้สอยของคนจีนคิดว่า ถ้าอยู่ภายใน Scenario ว่า รัฐบาลจีนสามารถขจัดปัญหานี้ได้ภายในเดือนนี้ ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ไม่ได้ลากยืดเยื้อยาวนาน ผลกระทบก็อาจจะไม่ได้รุนแรงมากนัก”

 

-จีนยุคใหม่ฉับไวแก้ปัญหา

ขณะที่อีกเหตุผลหนึ่งที่สถานการณ์อาจจะไม่ลากยาว เพราะดูจากสิ่งที่รัฐบาลจีนได้ดำเนินการถือว่าเขาได้ทำเต็มที่และรวดเร็วว่องไว และทุกภาคส่วนตื่นตัว ซึ่งการที่เขาพยายามที่จะขยับอย่างรวดเร็วในการที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งนี้ ต่างจากในอดีตในยุค(โรค)ซาร์ส รัฐบาลจีนใช้ความรวดเร็วว่องไวในการควบคุมข้อมูลข่าวสาร แต่ในยุคนี้ไม่ใช่ รัฐบาลจีนใช้ความรวดเร็วว่องไวในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส และเขาก็เปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริงว่าตอนนี้ตัวเลขเท่าไหร่ คนเสียชีวิตเท่าไหร่ การแพร่ระบาดเท่าไหร่ เพื่อให้ทุกภาคส่วนตื่นตัว และให้คนจีนทั่วไปได้ช่วยป้องกันตัวเองมากขึ้นด้วย เพื่อที่จะไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายกว่านี้

 

“เพราะฉะนั้นคิดว่าเมื่อเปรียบเทียบกรณีไวรัสโคโรนาครั้งนี้กับเมื่อครั้งไข้หวัดซาร์ส วิธีการดำเนินการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลจีนแตกต่างกันมาก ส่วนตัวค่อนข้างชื่นชมสิ่งที่รัฐบาลจีนได้พยายามทำอย่างเต็มที่ในขณะนี้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จีน ภาคประชาชนจีน บุคลากรทางการแพทย์จีนทุก ๆ คนเสียสละ ทุก ๆ คนร่วมมือร่วมใจกันที่จะขจัดปัญหานี้ออกไป”

 

คำต่อคำ : มุมมองกูรูจีน ไวรัสมรณะ เขย่าจีนแรงแค่ไหน?

-สีจิ้นผิงให้ร่วมกันกำจัด “ปีศาจ”

ท่านสี จิ้นผิงบอกว่า ไวรัสโคโรนานี้เป็น “ปีศาจ” ทุกคนเห็นด้วยกันว่ามันคือปีศาจ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับแผ่นดินจีน แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องร่วมมือร่วมใจในการขจัดปีศาจตัวนี้ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินจีนอย่างรวดเร็ว และก็ไม่ให้แพร่ระบาดไปจนเกิดปัญหากับประเทศอื่น ๆ ในโลกใบนี้ด้วย

-เซ็นเฟส1 เทรดวอร์จีนไปต่อ

อีกปัจจัยหนึ่งที่คิดว่ามีผลสำคัญเช่นกันก็คือกรณีการสามารถตกลงกันได้ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในเรื่องของสงครามการค้า มีการลงนามข้อตกลงการค้าในเฟส 1สหรัฐฯ-จีน เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา คิดว่าเป็นอีกตัวหนึ่งที่เป็นตัวช่วย เพราะว่าจังหวะเวลาในการลงนามข้อตกลงกัน ถือว่าช่วยไม่ซ้ำเติมสถานการณ์ เพราะอย่างน้อยช่วยให้ภาคธุรกิจจีน ผู้ส่งออกจีนได้มีโอกาสที่จะทำมาหากินจากภาคการค้าระหว่างประเทศกับสหรัฐฯ  หันมาคบค้าซื้อขายกัน ก็จะเป็นอีกปัจจัยหลักที่ช่วยให้เศรษฐกิจจีนฟื้นได้เร็วขึ้นจากเหตุการณ์ผลกระทบจากไวรัสโคโรนาครั้งนี้

 

“เพราะฉะนั้นโดยสรุปปัจจัยที่จะมีผลว่าการเกิดไวรัสโคโรนาครั้งนี้จะกระทบเศรษฐกิจจีนมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับเรื่องที่ 1 คือ ระยะเวลาในการหยุด ระงับ หรือจัดการกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ได้รวดเร็วมากน้อยแค่ไหน อย่างไร กับอันที่ 2 คือ จังหวะเวลาที่เกิดปัญหานี้ถือว่าเป็นตัวทำให้สถานการณ์ไม่เลวร้าย เพราะเกิดขึ้นในช่วงหยุดตรุษจีน ที่ธุรกิจจีนเขาปิดร้านค้าอยู่แล้ว เขาวางแผนธุรกิจกันอยู่แล้วว่าช่วงนี้ก็พักผ่อน ไม่ได้เป็นช่วงพีกของธุรกิจ ถ้าเป็นช่วงพีกผลอาจจะรุนแรงมากกว่านี้ แต่ที่น่าห่วงจะอยู่ที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมากกว่า เพราะถ้าคนหวาดกลัว ถ้าคนไม่มั่นใจในการที่จะออกเดินทางไปท่องเที่ยวธุรกิจที่จะถูกกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คือสายการบินทั้งหลาย ธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมที่พัก ธุรกิจที่เกี่ยวกับร้านอาหาร เพราะคนไม่ออกไปทานข้าวนอกบ้าน คนก็อยู่แต่ในที่พัก”

คำต่อคำ : มุมมองกูรูจีน ไวรัสมรณะ เขย่าจีนแรงแค่ไหน?

 

แต่ที่สำคัญก็คือ ช่วงนี้ไลฟ์ สไตล์ของชาวจีนก็ไม่ได้ออกไปซื้อของตามห้างร้าน เขาใช้วิธีซื้อของออนไลน์ เพราะฉะนั้น แพลตฟอร์มอีโคโนมี หรือไลฟ์สไตล์ของคนจีนที่สั่งของผ่านอินเตอร์เน็ตก็มีส่วนช่วยที่ทำให้สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายไปมาก เมื่อเทียบกับยุคปี 2003 ที่เกิดไข้หวัดซาร์สระบาด