รู้หรือไม่ "คริสต์มาสรัสเซีย" ไม่ใช่25ธันวา

05 ม.ค. 2563 | 02:13 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ม.ค. 2563 | 10:03 น.

คอลัมน์ หลังกล้องไซบีเรีย: เรื่อง: ยลรดี ธุววงศ์ ภาพ: วัฒน พงศาพาส

 

สัปดาห์แรกของปี ทั่วทั้งรัสเซียยังคงประดับประดาไปด้วยไฟหลากสี แต่งแต้มบรรยกาศอันขมุกขมัวของฤดูหนาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน และต้นสนสูงยังคงตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง นี่ไม่ใช่ควันหลงของบรรยากาศคริสต์มาสและปีใหม่ แต่เทศกาลหยุดยาวปีใหม่ของชาวรัสเซียยังไม่สิ้นสุดลงต่างหาก

วันที่ 1 ถึง 8 มกราคมของทุกปี ตามท้องถนนของรัสเซียมักไม่ครึกครื้นแน่นขนัดด้วยผู้คนและรถยนต์เช่นวันทั่วไป เพราะนี่คือช่วงเวลาของเทศกาลวันหยุดยาวปีใหม่ของชาวหมีขาวที่ทุกคนจะใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ เหตุที่วันหยุดราชการของรัสเซียลากยาวนานเป็นสัปดาห์นั่นเป็นเพราะวันที่ 7 มกราคมคือวันเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสของชาวคริสต์ออโธด็อกซ์ซึ่งเป็นศาสนาหลักที่ชาวรัสเซียยึดถือ

เรามักรู้จักคริสต์มาสในฐานะเทศกาลเฉลิมฉลองของชาวคริสต์ที่จัดขึ้นในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี แต่นั่นคือการนับตามปฏิทินเกรกอเรียนที่พัฒนาขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 และใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

สำหรับชาวคริสตจักรออร์ทอดอกซ์หรือคริสตจักรไบแซนไทน์ซึ่งเชื่อในหลักคำสอนที่แท้จริง ดั้งเดิม ไม่ผิดเพี้ยนจึงเลือกใช้ปฏิทินจูเลียนที่พัฒนาขึ้นมาก่อนก่อนคริสตกาลนับวันสำคัญต่างๆ ทางศาสนา โดยปฏิทินดังกล่าวเวลาจะคลาดเคลื่อนจากปฏิทินเกรกอเรียนถึง 13 วัน ทำให้วันคริสต์มาสตกไปอยู่ที่วันที่ 7 มกราคม และการนับเวลาเฉลิมฉลองเช่นนี้ก็ใช้ในประเทศอื่นๆ ที่นับถือคริสต์ออโธด็อกซ์ในประเทศอื่นๆ เช่นในยูเครน จอร์เจีย และเซอร์เบียด้วย

รู้หรือไม่ "คริสต์มาสรัสเซีย" ไม่ใช่25ธันวา

 

สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเทศกาลคริสต์มาส คือต้นสนที่ประดับตกแต่งไปด้วยแสงไฟและสิ่งของประดับรอบทิศหรือที่เรียกกันคุ้นปากว่า “ต้นคริสต์มาส”

ต้นไม้ทรงสามเหลี่ยมสัญลักษณ์ของต้นไม้สวรรค์ที่อดัมกับเอวา มนุษย์คู่แรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นแอบเด็ดผลไม้จากต้นลงมากินจนเกิด “บาป” เป็นที่แพร่หลายมาอย่างยาวนานนับแต่ศตวรรษที่ 11 ในยุคที่ชาวคริสต์มักนำเรื่องเล่าเกี่ยวกับศาสนามาแสดงเป็นละคร และใช้ต้นสนซึ่งหาได้ง่ายมาประกอบเรื่องราว

สำหรับชาวรัสเซียในยุคปัจจุบัน “ต้นคริสต์มาส” หรือที่พวกเขาเรียกกันว่า  “โยลก้า” (Yolka) นั้น ไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของ “วันคริสต์มาส” แต่คือสัญลักษณ์ของ “วันปีใหม่” ต่างหาก! ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

คริสต์มาสเคยถูกแบนในปีค.ศ. 1929 งดงานเฉลิมฉลองทางศาสนาหลังการปฏิวัติรัสเซียปีค.ศ. 1917 โดยกลุ่มบอลเชวิค พรรคแกนนำการโค้นล้มระบอบกษัตริย์รัสเซีย (นำโดยนายวลาดีมีร์ เลนิน) ต้นคริสต์มาสจึงโดนหางเลขถูกแบนตามไปด้วย 

พอการเฉลิมฉลองคริสต์มาสถูกยกเลิกไป ชาวโซเวียตจึงย้ายมาจัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ในวันปีใหม่แทน และเลี่ยงเรียกเจ้าต้นสนประดับนี้ เปลี่ยนมันให้กลายเป็น “ต้นไม้ปีใหม่” แทนเสียเลย! (ส่วนบ้านไหนที่ยังอยากฉลองวันคริสต์มาสอยู่ในยุคโซเวียตก็ต้องแอบฉลองกันเงียบๆ ภายในครอบครัว)

หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลายลงในปีค.ศ. 1991 ผู้คนจึงเริ่มกลับมาฉลองวันสำคัญทางศาสนาอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะเช่นแต่ก่อน แต่ในเมื่อวันคริสต์มาสดันมาอยู่หลังวันงานใหญ่เช่นวันปีใหม่ บรรยากาศการเฉลิมฉลองเลยไม่อลังการครึกครื้นเช่นการส่งท้ายปีเก่า

“เดด มารอส” (Ded Moroz) ชายสูงอายุหนวดขาว จมูกแดงในโค้ทสีแดง หรือซานตาคลอสของชาวรัสเซีย พร้อมผู้ช่วย “สเนียกกุรอชก้า” (Snegurochka) หญิงสาวจากหิมะ ก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์ในเทศกาลปีใหม่ คอยถือถุงของขวัญแจกจ่ายความสุขให้กับชาวเมืองด้วยเช่นกัน

วันปีใหม่จึงเป็นวันที่ชาวรัสเซียมักจัดปาร์ตี้ ออกมาเฉลิมฉลองตามท้องถนน ดื่ม กินสังสรรค์กันอิ่มท้อง และซื้อของขวัญให้กัน ทุ่มเงินทุ่มทองให้กับช่วงนี้เป็นจำนวนมาก เลยเป็นเหตุให้วันที่ 7 มกราคม ชาวรัสเซียมักฉลองคริสต์มาสกันด้วยงานเล็กๆ และไปร่วมพิธีทางศาสนา ส่วนต้นสน “โยลก้า” จึงเป็นกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของวันปีใหม่ของชาวรัสเซียจนถึงทุกวันนี้

รู้หรือไม่ "คริสต์มาสรัสเซีย" ไม่ใช่25ธันวา