‘จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน’ ฝ่าวิกฤติแป้งเด็ก คดีความรุงรังนับแสนคดี

20 ต.ค. 2562 | 06:30 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่


การประกาศของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ที่เรียกคืนแป้งเด็ก 33,000 กระป๋องในสหรัฐอเมริกาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (18 ต.ค.) สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้บริโภคทั่วโลกอีกครั้ง เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ ตรวจพบแร่ใยหิน (asbestos) จากตัวอย่างแป้งเด็กจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันที่สั่งซื้อทางออนไลน์

 

ราคาหุ้นของ J&J ดิ่งลงทันทีกว่า 6% โดยลงมาปิดที่ 127.70 ดอลลาร์ (18 ต.ค.) นับเป็นครั้งแรกที่ J&J เรียกคืนแป้งเด็กเนื่องจากความ ‘เป็นไปได้’ ในการปนเปื้อนแร่ใยหิน และนับเป็นครั้งแรกที่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯได้ประกาศการตรวจพบแร่ใยหินในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว  สำหรับแร่ใยหิน หรือ asbestos นั้นเป็นสารก่อมะเร็งที่เกี่ยวพันกับโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด

‘จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน’ ฝ่าวิกฤติแป้งเด็ก คดีความรุงรังนับแสนคดี
ไม่กี่ปีมานี้ บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หรือ J&J ถูกฟ้องร้องและเรียกร้องค่าเสียหายมูลค่ามหาศาลจากข้อกล่าวหาที่ว่าแป้งเด็กเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็ง ทั้งนี้ ทัลก์ (talc) เป็นแร่ธรรมชาติที่ถูกนำมาใช้ทำแป้งเด็ก และในทัลก์นั่นเองที่มีโอกาสปนเปื้อนแร่ใยหิน (asbestos) ซึ่งรับรู้กันว่าเป็นสาเหตุของมะเร็ง มักจะมีการตรวจพบแร่ใยหินในเหมืองแร่เดียวกันกับที่มีทัลก์อยู่  สื่อต่างประเทศรายงานว่า มะเร็งจากแร่ใยหินต้องใช้เวลานานหลายสิบปีกว่าจะแสดงอาการ ดังนั้น ทัลก์ที่ใช้ในช่วงทศวรรษ 1980-1990 จึงอาจมีผลให้เกิดมะเร็งได้ในตอนนี้

 

‘จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน’ ฝ่าวิกฤติแป้งเด็ก คดีความรุงรังนับแสนคดี

ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา  J&J ได้พยายามออกมายืนยันโดยตลอดว่า แป้งเด็กของบริษัทมีความปลอดภัย แต่หลังการประกาศเรียกเก็บสินค้าออกจากตลาดเป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เครื่องหมายคำถามจึงเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จากข้อมูลของ FDA นั้น มีการตรวจพบแร่ใยหินในแป้งเด็กจอห์นสันฯ จำนวน 1 กระป๋องในบรรดาหลายกระป๋องที่ถูกส่งตรวจ  

 

ในปีที่ผ่านมา J&J ทำยอดขายเกือบ 82,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่บริษัทก็ถูกรุมเร้าด้วยคดีฟ้องร้องจำนวนมากมายหลายคดีที่เกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ บางคดีสามารถคลี่คลายตกลงกันได้แล้ว แต่บางคดีก็ยังอยู่ในระหว่างการต่อสู้กันในชั้นศาล กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา J&J เพิ่งตกลงที่จะจ่ายเงิน 117 ล้านดอลลาร์เพื่อจบคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับการทำการตลาดในเชิงบิดเบือนข้อมูลผลิตภัณฑ์ตาข่ายพยุงช่องคลอด (transvaginal pelvic mesh implants) และในเดือนตุลาคมนี้ คณะลูกขุนก็เพิ่งมีคำสั่งให้บริษัทจ่ายเงินชดเชย 8,000 ล้านดอลลาร์แก่ชายคนหนึ่งในมลรัฐแมรีแลนด์ ที่กล่าวหาบริษัทเกี่ยวกับความเสี่ยงในการใช้ยา ‘ไรสเพอร์ดัล’ (Risperdal) ซึ่งเป็นยาประเภทยาต้านอาการทางจิต โดยรวมๆแล้ว ปัจจุบัน J&J มีคดีความที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์สินค้าจำนวนมากกว่า 100,000 คดี

 

ในจำนวนนี้ มากกว่า  15,000 คดีมีความเกี่ยวเนื่องกับข้อกล่าวหาแป้งเด็กและผลิตภัณฑ์อื่นๆของบริษัทที่มีส่วนผสมของทัลก์ ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง ส่วนหนึ่งเป็นมะเร็งเยื่อหุ้มปอดซึ่งพบมากในผู้ที่อยู่ในสภาวะที่ต้องสูดดมแร่ใยหินเข้าไปในระบบทางเดินหายใจเป็นเวลานานๆ และส่วนหนึ่งก็เป็นคดีเกี่ยวกับมะเร็งรังไข่
 

‘จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน’ ฝ่าวิกฤติแป้งเด็ก คดีความรุงรังนับแสนคดี

นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายให้ความเห็นเกี่ยวกับวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นกับ J&J ว่า แป้งเด็กที่ถูกเรียกคืนนั้นเป็นล๊อตที่ผลิตในประเทศจีนและเริ่มกระจายสินค้าเมื่อปีที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นสั่นสะเทือนภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือทั้งของผลิตภัณฑ์และของบริษัทเองเป็นอย่างมาก FDA ออกคำเตือนผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์แป้งเด็กล๊อตนี้ว่า ควรระงับการใช้ในทันที

 

อย่างไรก็ตาม J&J ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ในระยะ 40 ปีที่ผ่านมา มีการทดสอบทางวิทยาศาสตร์หลายพันครั้งซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่มีส่วนผสมของทัลก์นั้นไม่ได้ปนเปื้อนแร่ใยหิน แต่เพื่อความมั่นใจขณะนี้ได้มีการร่วมมือกับ FDA ในการตรวจสอบและแจ้งผลรายงานการตรวจสอบผลิตภัณฑ์  ในขณะเดียวกันก็ได้ออกมาปกป้องกระบวนการทดสอบผลิตภัณฑ์ของบริษัทเองว่า ผลตรวจสอบล่าสุดของ FDA ที่นำไปสู่การเรียกคืนสินค้าจากตลาดนั้น นับว่าเป็นการค้นพบ (แร่ใยหิน) ที่ผิดปกติอย่างยิ่ง และไม่สอดคล้องกับการทดสอบของบริษัทเท่าที่เคยมีมาจนถึงปัจจุบัน

 

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ โฆษกของ FDA ยืนยันว่ากระบวนการตรวจสอบและการรายงานผลของ FDA นั้นมีคุณภาพเป็นที่น่าเชื่อถือ

 

นักวิเคราะห์ประมาณการณ์ว่า คดีความฟ้องร้องเกี่ยวกับแป้งเด็กอาจจะทำให้ J&J ต้องสูญเสียเงินระหว่าง 5,000 – 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการเรียกคืนสินค้าครั้งล่าสุดนี้ก็อาจนำไปสู่การจ่ายเงินชดเชยและการจ่ายเงินเพื่อรอมชอมยอมความ 

 

ที่ผ่านมา ผู้ฟ้องร้อง J&J กล่าวหาบริษัทไม่แจ้งเตือนผู้บริโภคมากเพียงพอเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจจะมีจากการปนเปื้อนของแร่ใยหินในผลิตภัณฑ์ แม้จะมีการตระหนักรับรู้มานานหลายสิบปีแล้วว่ามีความเสี่ยงเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่  ปีนี้ J&Jยอมรับว่า กำลังถูกไต่สวนโดยกระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ผลิตภัณฑ์แป้งเด็กของบริษัทอาจมีการปนเปื้อนแร่ใยหิน ซึ่งขณะนี้ยังคงอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ

 

แม้ว่าแป้งเด็กจะเป็นสินค้าที่ทำยอดขายให้บริษัทในสัดส่วนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสินค้าอื่นๆ แต่คดีความที่เกิดขึ้นก็ส่งผลเสียหายใหญ่หลวงต่อภาพลักษณ์ของบริษัท และชื่อจอนห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ก็มีความผูกพันเกี่ยวเนื่องอย่างมากกับผลิตภัณฑ์สำหรับทารก  ทำให้ผู้บริโภคมีความคาดหวังสูงเกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าว่าจะต้องเชื่อใจและไว้วางใจได้  แต่ข่าวคราวที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ก็เหมือนกับเป็นการทำลายความไว้วางใจที่เคยมีมา  แม้เจ้าหน้าที่ของบริษัทจะชี้แจงว่า ปริมาณแร่ใยหินที่ตรวจพบนั้นถือว่าน้อยมากๆ แต่ข้อมูลของหน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐฯก็ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยใดๆที่จะบ่งชี้ว่า ปริมาณแร่ใยหินมากน้อยเพียงใดที่จะถือว่าปลอดภัย  

 

สถาบันมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐฯ ระบุว่า ความเสี่ยงต่อสุขภาพมีมากขึ้นหากร่างกายได้รับสัมผัสแร่ใยหินเป็นเวลานานๆหรือได้รับนปริมาณมากๆ  ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า การสัมผัสแค่ไหนถึงจะเรียกว่าปลอดภัย เพราะจากสถิติที่ผ่านมา ผู้ที่ได้รับสัมผัสเพียงระยะสั้นๆ ก็ยังเกิดโรคมะเร็งได้

 

J&Jเรียกคืนแป้งเด็กจอห์นสันหลังพบปนเปื้อนแร่ใยหิน