บอลล์ ครอป (Ball Crop) บริษัทที่ผู้บริโภคทั่วโลกรู้จักในนามขวดแก้ว เมสัน หรือ เมสันจาร์ (Mason Jar) ที่สำคัญยังเป็นสินค้าเพียงหนึ่งเดียวที่บอลล์ (Ball) ทำขายในตลาด กินเวลายาวนานถึง 139 ปี กลับกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P500 ที่สามารถเอาชนะผู้ผลิตเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมด้านชีวภาพ ผงาดรั้งตำแหน่งบริษัทที่มีผลประกอบการดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของ S&P 500 ภายในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา
เป็นเวลากว่า 100 ปีที่ บอลล์ต้องทำสงครามกับสินค้าทดแทนอย่างพลาสติก ในช่วงก่อนหน้านี้ มาวันนี้สามารถชิงส่วนแบ่งของผู้ผลิตกระป๋องได้มากถึง 33 % ของทั้งโลก ท่ามกลางตลาดที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะเครื่องดื่มสุขภาพ หากย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว บริษัทต้องผันตัวเองจากผู้ผลิตขวดแก้วไปทุ่มเทให้กับธุรกิจรับผลิตบรรจุภัณฑ์จากอลูมิเนียม ซึ่งปัจจุบันไม่ใช้แค่เพชรเม็ดงามแต่กลายเป็นมงกุฎเพชรที่ทำให้บอลล์เป็นราชาในอุตสาหกรรมนี้
พิสูจน์จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนผ่านดัชนี S&P 500 ที่ผ่านมาตลาดปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2% ในช่วง 12 เดือน ท่ามกลางสงครามการค้าที่ไม่แน่นอนและมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่มูลค่าหุ้นของบอลล์กลับทะยานขึ้นสูงมากถึง 91% ซึ่งมีมูลค่ามากถึง 2.5 หมื่นล้านเหรียญในตลาดตราสารหนี้ ตามหลังแค่ฮาวเซอร์ บุช ผู้ผลิตเบียร์อันดับ 1 ของโลกและโคคา-โคลา ผู้ผลิตน้ำดำรายใหญ่ของโลก
ข้อมูลจากนีลสันแสดงให้เห็นว่า ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปดูแลสุขภาพมากขึ้น เครื่องดื่มประเภทโซดาและเบียร์ขายได้น้อยลง ได้ลากผลประกอบการของบอลล์ ให้ร่วงลงไปด้วย แต่น้ำผลไม้พร้อมดื่มและเครื่องดื่มตัวเลือกอื่นๆกลับเติบโตมากถึง 3% ในปี 2018 คิดเป็นมูลค่ากว่า 5.6หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
รายได้ของบอลล์กว่า 90% เทียบเท่ามูลค่าของรายได้ประมาณ 1.16 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มาจากรายได้ของการผลิตกระป๋องเครื่องดื่ม ส่วนอีก10% มาจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ
(โดยบอลล์ได้เริ่มลงทุนงานวิจัยที่เกี่ยวของกับอุตสาหกรรมอวกาศมาตั้งแต่ช่วงปี 1950 และเริ่มผลิตชิ้นส่วนยานอวกาศให้กับ NASA ในปี 1956)
ชิพ ดิลลอน หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท เวอร์ติเคิล รีเสิรช์ พาร์เนอร์ส เล่าว่า “หากย้อนกลับไปเมื่อปี 1986 เมื่อคุณเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ กระป๋องเครื่องดื่มจะมีความแตกต่างทั้งรูปร่างและสี เพราะเครื่องดื่มในสมัยนั้นต้องการเป็นที่จดจำของผู้บริโภค ผู้ผลิตจึงต้องการขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป ข้อสอง พลาสติกกลายเป็นผู้ร้ายที่ทำลายสิ่งแวดล้อม สิ่งที่จะมาทดแทนได้และมีราคาถูกที่สุดคืออลูมิเนียม”
ในช่วงที่ผ่านมาบอลล์ได้ระดมทุนเป็นเงินมากถึง 1.6 ล้านเหรียญ ขายน้ำดื่มบรรจุขวดอลูมิเนียมแทนพลาสติก ซึ่งถือว่าเป็นการตลาดที่สุดโต่ง ไม่เพียงแค่นั้น Ball ยังแสดงให้เห็นว่ากระป๋องเหล่านั้นมีความยั่งยืนมากกว่าพลาสติก โดยการพิมพ์อักษรข้างกระป๋องว่า “ฆ่าความกระหาย” และติด #ฆ่าพลาสติกให้ตาย ซึ่งจากข้อมูลระบุว่าเหล่ากระป๋องอลูมิเนียมสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้มากถึง 70 % ส่วนพลาสติกได้เพียงแค่ 3% เท่านั้น
ช่วงปี2019 ที่ผ่านมา การประชุมของมูลนิธิซันที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2006 เพื่อระดมทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัยทางการแพทย์การพัฒนาอุปกรณ์การวิจัยและโครงการต่างๆ มีการแสดงความคิดเห็นจาก บริษัทเงินทุน หนึ่งในผู้เข้าร่วมงานครั้งนี้ กล่าวถึงตราสารหนี้ของบริษัท พลาสติกพัค ผู้ผลิตของพลาสติกรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งผลิตบรรจุภัณฑ์ พลาสติกให้กับ บ.คราฟต์ ไฮน์ซ รวมถึง พรอคเอตร์ แอนด์ แกมเบิล ว่าอาจจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป และบริษัทจะลดความสำคัญของพันธบัตรเหล่านี้
ต้องยอมรับว่าในช่วงปีที่ผ่านมา สงครามกับพลาสติกไม่ได้เกิดขึ้นเพียงที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น สงครามนี้เกิดขึ้นทั่วโลก มีการต่อต้านการใช้พลาสติดแบบครั้งเดียวทิ้งกันอย่างกว้างขวาง เมืองใหญ่ๆทั่วโลกอย่าง ลอสแอนเจลิส ของสหรัฐฯ และ แวนคูเวอร์ของแคนาดา กำลังดำเนินการให้เมืองเป็นเขตปลอดหลอดพลาสติก ยังรวมไปถึงเงือกน้อยมรกตอย่างสตาร์ บั๊ก โรงแรมใหญ่อย่าง ไฮแอท และฮิลตัน พร้อมใจกันย้อนรอยบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ว่ามีที่มาอย่างไร พลาสติกบางส่วนผ่านการรีไซเคิลหรือไม่ ส่วนเป๊ปซี่ก็พร้อมที่จะใช้ขวดกระป๋องกับน้ำดื่ม อควาฟิน่า
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ทำให้นักลงทุนเห็นอนาคตของบริษัทบอลล์ ที่จะยั่งยืนมากกว่าบริษัทบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความต้องการบรรจุภัณฑ์กระป๋องได้ขยายเข้าไปสู่เครื่องดื่มที่หลากหลายมากขึ้น เช่น น้ำโซดา เครื่องดื่มให้พลังงาน และบริษัทผลิตกระป๋องเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดนี้ บริษัทมีความคิดที่จะออกแก้วอลูมิเนียมแทนที่พลาสติก ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ถึงขนาดที่ มอร์แกน สเตนลีย์ ออกมายอมรับความความคิดนี้จะเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืนให้กับบอลล์ต่อไป
แต่ราคาหุ้นของ Ball ในขณะนี้แพงมากเมื่อเทียบกับอดีต ปัจจุบัน PE อยู่ที่ 47 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2018 ที่ 27เท่านั้น ที่ปรึกษาทางการเงิน แวนเทจพอยต์ เวนย์ วิคเกอร์ กล่าวว่านี่อาจเป็นการวิ่งขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของบอลล์ หุ้นมีความเสี่ยงที่จะดิ่งกลับลงมา ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูง อย่างไรก็ตามท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้หุ้นแบบบอลล์ เป็นที่น่าสนใจ เติบโตแบบยั่งยืนและไม่ฉาบฉวย