แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ไม่ง่าย ฝ่าด่านสุดท้าย ส.ว. 83 เสียง  

14 ก.ค. 2566 | 09:40 น.

อุณหภูมิการเมืองเดือด "ก้าวไกล" ติดกับดักชงแก้รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 272 ไม่ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ เจอด่านหิน ส.ส. และ ส.ว. ต้อง "เห็นชอบ" ไม่น้อยกว่า 375 เสียง รัฐสภาพิจารณา 3 วาระ

กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อพรรคก้าวไกลยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.ในการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภานั้น "ฐานเศรษฐกิจ" พาไปเปิดขั้นตอนพร้อมวิธีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ 2560 บอกได้เลยว่า งานนี้ไม่ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

เมื่อเปิดรัฐธรรมนูญปี 2560 ฉบับปัจจุบัน ระบุไว้ในมาตรา 256 ว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้กระทำได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้

การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272

รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา256 (1) ระบุว่า ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต้องมาจาก

1.คณะรัฐมนตรี  (ครม.) หรือ

2.สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จํานวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ ส.ส. หรือ

3.สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จํานวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาหรือ

4.ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจํานวนไม่น้อยกว่า 50,000 คนตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย

 

ขั้นตอนการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 

รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 256 (2), (3), (4), (5) และ (6) ระบุว่า ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภาและให้รัฐสภาพิจารณาเป็น 3 วาระ

การออกเสียงลงคะแนน

วาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ 

ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผยและต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา 

กล่าวคือ ต้องได้เสียงทั้งจาก ส.ส. และ ส.ว. จำนวนไม่น้อยกว่า 375 เสียงจากทั้งหมดในปัจจุบัน 749 คน ซึ่งในจํานวนนี้ต้องมี ส.ว. เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา ซึ่งปัจจุบันมี 249 คน หรือ จำนวน 83 เสียง

ในวาระที่ 2 ขั้นพิจารณาเรียงลําดับมาตรา 

การออกเสียงในวาระที่ 2 นี้ ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณแต่ในกรณีที่เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ประชาชนเป็นผู้เสนอต้องเปิดโอกาสให้ผู้แทนของประชาชนที่เข้าชื่อกันได้แสดงความคิดเห็นด้วย

เมื่อการพิจารณาวาระที่ 2 เสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้ 15 วันเมื่อพ้นกําหนดนี้แล้วให้รัฐสภาพิจารณาในวาระที่ 3 ต่อไป

ในวาระที่ 3 ขั้นสุดท้าย 

ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผยและต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาโดยในจํานวนนี้ ต้องมี ส.ส.จากพรรคการเมืองที่สมาชิกมิได้ดํารงตําแหน่ง

  • รัฐมนตรี 
  • ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือ
  • รองประธานสภาผู้แทนราษฎร 

เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุกพรรคการเมืองดังกล่าวรวมกัน 

กล่าวคือ ต้องได้เสียง ส.ส. จากพรรคการเมืองต่าง ๆ เหล่านี้ คือ 
พรรคพลังประชารัฐ, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคภูมิใจไทย, พรรคชาติพัฒนา, พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคชาติพัฒนากล้า

ที่สำคัญยังต้องได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ให้ความเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา

ด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ ข้างต้นถือเป็นด่านหินที่ทางพรรคก้าวไกลต้องฝ่าไปให้ได้ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนักเพราะหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลเคยเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปิดสวิซต์ ส.ว. มาแล้วซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด