"ทักษิณ"ปัดดีลลับ -ลั่นเพื่อไทยสปิริตสูงถึงไม่เชิญก็จะยกมือให้ก้าวไกล

16 พ.ค. 2566 | 16:45 น.

"ทักษิณ" หลังเลือกตั้ง 2566 ย้ำชัดเพื่อไทยไม่มีดีลลับ หรือ ตั้งรัฐบาลแข่งก้าวไกล พร้อมชูสปิริตพรรคสูงถึงไม่เชิญร่วมรัฐบาลก็จะยกมือสนับสนุนก้าวไกล

วันที่ 16 พฤษภาคม 2566 เวลา 20.00 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมพูดคุยในรายการ "CARE คิด เคลื่อน ไทย" หัวข้อ อนาคตเมืองไทยจะเป็นอย่างไรหลังเลือกตั้ง?โดยในการพูดคุยครั้งนี้ ได้ออกมายินดีกับพรรคก้าวไกล และย้ำชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีดีลลับ หรือจะตั้งรัฐบาลแข่งกับก้าวไกล พร้อมสนับสนุนและยกมือให้แม้จะไม่เชิญให้ร่วมรัฐบาล 

ยินดีกับก้าวไกลที่ขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง
ระบุว่า ขอแสดงความยินดีกับส.ส.ทุกคน ทั้งคนเก่าที่กลับเข้ามาและคนใหม่ที่เข้าสภา และที่สำคัญคือ ขอแสดงควายินดีกับพรรคก้าวไกลที่ขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง ซึ่งถือว่าเก่งมาก ยินดีด้วย โดยเฉพาะทีมที่เก่งมากๆ จนในกรุงเทพฯ เรียกได้ว่า สึนามิเลย มีคุณอิ่มของเพื่อไทยรอดมาได้คนเดียว ชนะอยู่ 4 แต้ม ก็ถือว่าเลือกตั้งรอบนี้สนุกมากครับ เที่ยวนี้ตื่นเต้น

 

ย้ำชัดไม่มีดีลลับ 
เนื้อหาใจความตอนหนึ่ง นายทักษิณ ระบุว่า  ไอโอทำงานหนักมาก ตอนนี้ไอโอออกมาปั่นว่าเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลแข่ง ทั้งๆที่น้องอิ๊งค์ คุณนิด (เศรษฐา) ก็ประกาศแล้ว ไอโอก็ยังไม่เชื่อ ก็ปั่นกันต่อว่ามีดีลลับอีก ผมอยู่ต่างประเทศมาตั้งนานยังบอกว่ามี “ดีลลับ” อีก สงสัยพอผมกลับไทย คงจะเรียกว่า “ดีลสว่าง” แล้วมั้ง

 

"ไอโอมันเริ่มทำงานตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ว่าผมจะไปจับมือกับใครบ้าง คนในพรรคต้องแก้ต่างกันใหญ่ เพราะพรรคเราเป็นพรรคผู้ดี จนไอโอต้องออกมาพูดว่า ไม่เอาสองลุง ไอโอเหล่านี้ออกโดยคน และไปขยายความโดยบอท มีแอคเคาท์หลุมเป็นพัน ๆ เพื่อไว้กระจายข่าว ซึ่งก็กล่าวหาว่า ไปดีลตั้งพรรคแข่งกับก้าวไกลอีก "

เพื่อไทยมีสปิริตสูง ถึงไม่เชิญร่วมรัฐบาลก็พร้อมยกมือให้ก้าวไกล
นายทักษิณ ระบุว่า  พรรคเพื่อไทยมาจากไทยรักไทย เราวางวัฒนธรรมองค์กร ว่าเราต้องมี “สปิริตประชาธิปไตย” เราสร้างมาแบบนี้ เราเลยพูดเหมือนกันหมด แล้วเราทุกคนถือว่า “ถ้าอยากเป็นประชาธิปไตยต้องมีสปิริตประชาธิปไตย” อย่าไปเป็นหรืออยากเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเดียวเพื่อหาเงิน ไม่งั้นจะฉิบหายหมด 
.


เราต้องยืนอยู่บนหลักการ ตรงไปตรงมาดีที่สุด พรรคเพื่อไทยมีสปิริตสูง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับเชิญให้ร่วมรัฐบาล เขาก็จะยกมือให้ นี่คือ สปิริตที่พรรคเรามีมาตั้งแต่ต้น

 

ส่วนการที่พรรคก้าวไกลจะไปคุยกับ ส.ว.เพื่อช่วยโหวตนั้น  นายทักษิณ เผยว่า ผมคิดว่าเรื่องนี้ ส.ว.บางส่วนก็มีอิสระของเขา บางส่วนก็มีสังกัด ผมคิดว่ายังไงพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำนะ ถ้าสมมติว่าโหวตแล้วคะแนนไม่ถึง เขาก็มีวิธีแก้ 2 ทาง ทางแรก คือ ไปขอร้อง ส.ว. ที่ไม่ได้วิจารณ์อะไร ขอช่วยให้โหวต 

 

หรืออีกทาง คือ ไปเอาพรรคอื่นมาร่วมให้มันครบ แต่เอาจริงๆ การมีเสียงถึง 376 ไม่เป็นข้อดี เพราะเสียงข้างน้อยจะออกมาโวยวายว่าเป็น “เผด็จการรัฐสภา” จริงๆ ไม่ต้องใช้ส.ส.เยอะขนาดนี้ แต่ถ้าเกมมันบังคับแล้วส.ว.ไม่ยอมผ่าน ก็เสนอใหม่โดยการดึงพรรคอื่นมาร่วมเพิ่ม

นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทของพรรค
นายทักษิณ กล่าวเพิ่มเติมว่า เกี่ยวกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย ในตอนนี้คงจะทำนโยบายอะไรได้ยาก มันขึ้นอยู่กับการตกลงร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนโยบายของพรรคแกนนำ เพื่อไทยคงทำได้ในส่วนของกระทรวงที่มอบหมาย ซึ่งต้องไม่ขัดกันกับนโยบายหลักของแกนนำ นโยบายของเพื่อไทยจะถูกให้ความสำคัญในลำดับที่ 2

 

"หลายนโยบายอย่าง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของเพื่อไทย อาจจะทำไม่ได้แล้ว เพราะรัฐมนตรีคลังไม่น่าจะให้เงิน คาดว่ารัฐมนตรีคลังน่าจะเป็นของก้าวไกล แบบนี้เพื่อไทยก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นพรรคแกนนำ"

 

ยืนยันกลับเมืองไทยตามกำหนดเดิม 
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยแพ้การเลือกตั้ง แล้วคุณทักษิณจะยังกลับประเทศไทยตามที่ได้ประกาศไว้หรือไม่นั้น ก็ได้คำตอบว่า เพื่อไทยจะแพ้ชนะไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องกลับบ้าน ผมอยากไปเลี้ยงหลาน หลานผม 7 คน วัยอย่างผมเรียกว่าวัยรักลูกหลงหลาน จะมีความสุขมาก ผมอยากกลับบ้าน อยากไปเลี้ยงหลาน ยืนยันกำหนดการเดิม ไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนแปลง

 

"ผมไม่สนใจอะไรเลย อยู่เมืองนอกมา 17 ปี มันก็เหมือนติดคุกใหญ่ เพราะเข้าบ้านตัวเองไม่ได้ อะไรมันจะเกิดก็ให้มันเกิด ชีวิตมันก็แค่นี้ อย่าไปคิดอะไรมาก ก็มันบ้านผมอ่ะ ผมจะกลับไป มีอะไรไหม"


นายทักษิณ กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้อยากเห็นบ้านเมืองเข้าสู่ประชาธิปไตย หวังว่าสปิริตของคนไทยทุกคน ต้องอดทนกับการเมืองในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ กล่าวคือ กึ่งประชาธิปไตย -กึ่งเผด็จการ ถ้าอยากให้เป็นประชาธิปไตยก็ต้องทน ซึ่้งในตอนนี้มันก็กำลังจะเริ่มต้น  เพราะฝั่งประชาธิปไตยได้เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล การปฏิรูปให้มันเกิดประชาธิปไตยจริงๆมันจะได้เกิดขึ้นสักที 

 

"ต้องเดินหน้าปรับปรุงให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยให้ได้ เพราะเราต้องการความคิดความหลากหลายของคนรุ่นใหม่  ต้องอาศัยความคิดใหม่ ของคนที่มีความรู้ความกว้างขวาง เพื่อมาพัฒนาประเทศ ส่วนความเห็นต่างมันต้องอยู่ภายใต้ประชาธิปไตย ดังนั้นต้องรีบให้เป็นประชาธิปไตยให้ได้เพื่อให้ประเทศของเรามันทันกับโลกบ้าง"