"เรืองไกร"ยื่นกกต. เพิ่มปม‘พิธา’ถือหุ้นสื่อ 400 ผู้สมัครก้าวไกล ส่อโมฆะ

11 พ.ค. 2566 | 09:20 น.

"เรืองไกร"ยื่น กกต.เพิ่มปม"พิธา"ถือหุ้นไอทีวี ผิดข้อบังคับพรรค ต้องพ้นจากหัวหน้าก้าวไกล ชี้กระทบเซ็นรับรองส่งสมัคร อาจมีผลส่งผู้สมัคร 400 เขต เป็นโมฆะ


 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ กกต.ในกรณีการถือหุ้นสื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล

โดย นายเรืองไกร กล่าวว่า ได้นำข้อบังคับของพรรคก้าวไกลมายื่นเพิ่มเติม และจับประเด็นว่านายพิธา จะพ้นจากสมาชิก และหัวหน้าพรรคหรือไม่ เพราะข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการแก้ไขลงในราชกิจจานุเบกษา ปี 2563 ซึ่งข้อบังคับพรรคในข้อ 12 , 21 , 37 ซึ่งในข้อ 12 ระบุว่าสมาชิกพรรคต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3)


 

นายเรืองไกร  กล่าวว่า เมื่อระบุเช่นนี้ มาตรา 98(3) ก็จะทำให้พ้นสมาชิกหรือไม่ และกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งหัวหน้าพรรค ก็จะต้องขาดจากความเป็นหัวหน้าพรรคโดยสิ้นสุดลงเฉพาะตัว รวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรคต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลข้อที่ 36

  นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ

นอกจากนั้นได้ตั้งข้อสังเกตให้ กกต.พิจารณาว่าหากนายพิธา มีลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ส.รวมถึงต้องห้ามเป็นสมาชิกพรรค และหัวหน้าพรรค จากประเด็นการถือหุ้นไอทีวี (ITV) ย่อมมีผลกับการที่นายพิธา ได้เซ็นรับรองการส่งผู้สมัครของพรรคการก้าวไกล ทั้งแบบเขตเลือกตั้ง และบัญชีรายชื่อ ทำให้ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
 

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  พรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า จะมีผลให้การส่งสมัคร ส.ส.ก้าวไกล เป็นโมฆะหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ก็ต้องให้ กกต.ตรวจสอบว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ต้องถอดสมการว่าการเป็นหัวหน้าพรรคพ้นไปหรือยัง เพราะในข้อบังคับเป็นหน้าที่ของนายทะเบียน แล้วนายพิธา ก็ให้สัมภาษณ์ด้วยว่าเรื่องนี้รู้มาตั้งนานแล้ว

เรื่องลักษณะนี้ พรรคนี้ เคยมาปรึกษาตนสมัยเมื่อครั้งที่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวหน้าพรรค ถูกวินิจฉัยว่ามีลักษณะต้องห้ามลงสมัคร ส.ส.เพราะถือหุ้นวีลัค มีเดีย แต่ได้เซ็นรับรองส่งผู้สมัครของพรรคไปว่าจะเป็นอย่างไร ก็ได้ให้ความรู้เรื่องกฎหมายไป ตนไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง