นายเกียรติศักดิ์ กีรติยากรสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาร์ฟินน์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (CarFinn) สตาร์ทอัพผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ออนไลน์แบบครบวงจร ภายใต้ชื่อ คาร์ฟินน์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทวางยุทธศาสตร์การพัฒนา “คาร์ฟินน์” ไปสู่การเป็นซูเปอร์แอปด้านรถยนต์ของเมืองไทย โดยเป็นทั้งแหล่งรวมสินเชื่อรถยนต์ออนไลน์ ประกันรถยนต์-ประกันชีวิต ออนไลน์ แหล่งรวมอู่ซ่อมรถ-ศูนย์บริการ และแหล่งรวมบริการล้างรถ ขณะเดียวกันยังได้ตั้งเป้าหมายนำ “คาร์ฟินน์” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปี 2568 เบื้องต้นวางแผนเข้าจดทะเบียนในตลาด MAI
“ช่วงกลางปีที่ผ่านมา บริษัทสบายเทคโนโลยี จำกัด ได้เข้ามาถือหุ้นคาร์ฟินน์ สัดส่วน 20% มูลค่าไม่เกิน 30 ล้านบาท โดย SABUY Capital เป็นผู้สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ คาร์ฟินน์ จำนวนไม่เกิน 100 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 7% ต่อปี เพื่อให้คาร์ฟินน์ นำไปขยายธุรกิจในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าของ คาร์ฟินน์ และ คาร์ฟินน์ จะช่วยต่อยอดฐานลูกค้าประกันรถยนต์ ให้แก่ SABUY Maxi”
ทั้งนี้บริษัทได้วางเป้าหมายให้บริการกับลูกค้า 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ ระยะสั้น กลุ่มที่ต้องการรีไฟแนนซ์ เงินสดปิดบัญชี ระยะกลาง คือสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ขายฝาก และ ระยะยาว สินเชื่อซื้อขายรถยนต์ โดยที่ผ่านมามีการสมัครขอสินเชื่อเดือนละ 4,000 ราย โดยคาร์ฟินน์ช่วยให้สถาบันการเงินทั้ง ธนาคาร และนันแบงก์ ที่เป็นพันธมิตรมากกว่า 30 ราย สามารถคัดกรองมีคุณสมบัติ การขอสินเชื่อได้ 300-400 ราย โดยมีผู้ใช้บริการที่ได้รับอนุมัติขอสินเชื่อราว 10-15% สามารถให้วงเงินสินเชื่อไปแล้วทั้งปีอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท เฉลี่ยลูกค้าได้รับสินเชื่อวงเงินราว 3-5 แสนบาท โดยขณะนี้มีผู้ใช้บริการสะสมแล้ว 1 แสนราย
โดยคาร์ฟินน์ ตอบโจทย์ ทั้ง ผู้ซื้อและผู้ขาย รถยนต์ สามารถเข้ามาเช็กราคากลาง เปรียบเทียบสินเชื่อที่ได้รับแต่ละสถาบันการเงินให้ได้ ทำให้ได้ราคาที่มีความยุติธรรม ขณะที่เต้นท์รถขายรถยนต์มือ 2 สามารถเข้ามาเช็ควงเงินที่แบงก์ให้สินเชื่อได้ ส่วนผู้ที่ต้องการรู้ข้อมูลราคารถ สามารถเข้ามาตรวจสอบราคาที่แบงก์ให้สินเชื่อได้ ขณะที่แบงก์ หรือ นันแบงก์ มีคนช่วยในการคัดกรองลูกค้า ลดการทำงานและเวลาของแบงก์
นายเกียรติศักดิ์ กล่าวต่อไปว่าบริษัทอยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาเว็บไซต์ และแอป “คาร์ฟินน์” ใหม่ เพื่อให้สามารถใช้งานง่าย และเพิ่มประสบการณ์ใหม่ใน การใช้งานให้กับผู้ใช้บริการ ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบหลังบ้าน เพื่อเปิดขายแฟรนไซส์ผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ออนไลน์แบบครบวงจร ให้กับผู้ที่สนใจ โดยที่ผ่านมามีผู้สนใจ ต้องการนำระบบของบริษัทไปใช้ 3-4 ราย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ให้บริการสินเชื่อในต่างจังหวัด ส่วนรายได้หลักของบริษัทจะมาจากค่าคอมมิชชันและค่าบริการ โดยคาดว่าปี 2566 จะสามารถทำกำไรได้ 10 ล้านบาท