ศึก AI เดือดจัด Google VS OpenAI เปิดบริการใหม่ราคาถูกลง 90%

17 ต.ค. 2568 | 03:37 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ต.ค. 2568 | 04:08 น.

สงครามราคา AI ปะทุ Google กับ OpenAI เปิดตัวแผนบริการใหม่ในไทย ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูงของ AI ราคาถูกลง 90% กูเกิล ส่ง Google AI Plus เริ่มต้น 95 บาทต่อเดือน ขณะที่ OpenAI เปิด ChatGPT Go ราคาเริ่มต้น 259 บาทต่อเดือน วงการมองโอกาสทองไทย SME ใช้ AI จริงจังเพิ่ม GDP ได้ 2% คิดเป็นมูลค่า 1.14 แสนล้านบาท ปี 73

KEY

POINTS

  • Google และ OpenAI เปิดศึกสงครามราคา AI ในไทย โดยเปิดตัวบริการใหม่ที่ราคาถูกลงกว่า 90% จากหลักพันเหลือหลักร้อยบาทต่อเดือน
  • Google เสนอ Google AI Plus ในราคาโปรโมชัน 95 บาทต่อเดือน (6 เดือนแรก) ขณะที่ OpenAI เปิดตัว ChatGPT Go ในราคา 259 บาทต่อเดือน
  • การแข่งขันนี้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจ SME ในไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ขั้นสูงได้ง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและกระตุ้นเศรษฐกิจ

ตลาด AI ในประเทศไทยเริ่มร้อนแรงขึ้นเมื่อ Google และ OpenAI ประกาศเปิดตัวแผนบริการใหม่ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูงในราคาที่ถูกลง โดยทั้งสองบริการนี้จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในประเทศไทยที่กำลังมองหาโซลูชั่น AI ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น ด้วยการขยายการให้บริการในประเทศไทยที่มีผู้ใช้จำนวนมากและสนใจใช้เทคโนโลยี AI ในการทำงานต่าง ๆ

โดย ดร.กอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอแอพพ์เทคโนโลยี จำกัด ในฐานะนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า วงการปัญญาประดิษฐ์กำลังเผชิญกับสงครามราคาครั้งใหญ่ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมและส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยราคาถูกลงกว่า 90%

ก่อนหน้านี้ OpenAI ประกาศขยาย ChatGPT Go เข้าเอเชีย 16 ประเทศ ในไทยราคา 259 บาทต่อเดือน ได้ใช้ GPT-5 รุ่นล่าสุดพร้อมฟีเจอร์ครบส่วน Google ตอบโต้ด้วย Google AI Plus ราคา 189 บาทต่อเดือน (โปรโมชันแรก 6 เดือน 95 บาท) ใช้ Gemini 2.5 Pro พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูล 200 GB นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากราคาหลักพันบาทสู่หลักร้อยบาท

ศึก AI เดือดจัด Google VS OpenAI เปิดบริการใหม่ราคาถูกลง 90% แต่เรื่องที่สั่นสะเทือนที่สุดมาจากจีน DeepSeek สร้างโมเดล R1 ด้วยเงินเพียง 10 ล้านบาท เทียบกับ GPT-4 ที่ใช้ 3.5 พันล้านบาท ใช้เวลาแค่สองเดือน ชิปน้อยกว่า Meta ถึง 8 เท่า แต่ประสิทธิภาพดีกว่า GPT-4o และ Claude Sonnet 3.5 ในหลายด้าน ข่าวนี้ทำให้ตลาดหุ้นเทคโนโลยีอเมริการ่วง 1 ล้านล้านดอลลาร์ใน 1 วัน

สงครามราคารุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง OpenAI ลดราคา API รุ่น o3 ลง 80% ส่วน Anthropic แม้จะแพงกว่า 7 เท่า แต่ครองส่วนแบ่งตลาดองค์กร 32% เพราะคุณภาพสูง แต่ก็คาดขาดทุน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 9.75 หมื่นล้านบาทในปีนี้

“ประเทศไทยมี SME มากกว่า 3.2 ล้านราย คิดเป็น 90% ของธุรกิจ มีการจ้างงานครึ่งหนึ่งของประเทศ และเป็นองค์ประกอบของ GDP ไทยถึง 35% การที่ AI ถูกลงจากหลักหมื่นเหลือหลักร้อยบาทต่อเดือน เป็นโอกาสทองที่ธุรกิจขนาดเล็กจะเข้าถึงเทคโนโลยีระดับโลกได้”

ศึก AI เดือดจัด Google VS OpenAI เปิดบริการใหม่ราคาถูกลง 90% Access Partnership บริษัทที่ปรึกษาด้านนโยบายสาธารณะระดับโลก คาดการณ์ว่า AI จะสร้างมูลค่าให้ไทย 2.6 ล้านล้านบาท ภายในปี 2573 คิดเป็น 15% ของโอกาสทั้งอาเซียน ถ้า SME ใช้ AI จริงจังอาจเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ได้ 2% โดยตลาด AI ไทยจะเติบโตปีละ 28.55% ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 1.14 แสนล้านบาท ในปี 2573

ขณะที่รัฐบาลจัดสรรงบ 2.5 หมื่นล้านบาท พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI และสนับสนุน SME และตั้งเป้าฝึกคนไทย 10 ล้านคนให้ใช้ AI ฝึกผู้เชี่ยวชาญ 90,000 คน และพัฒนานักพัฒนา 50,000 คนภายใน 2 ปี อย่างไรก็ตามอุปสรรคหลัก คือ ข้อจำกัดทางการเงิน ขาดคนที่เข้าใจทั้ง AI และธุรกิจ และคุณภาพข้อมูลยังไม่ดีพอ

ดร. กอบกฤตย์ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับการประยุกต์ใช้ AI ในไทยนั้นขณะนี้ทุกอุตสาหกรรมมีการใช้งาน AI เช่น ธนาคารใช้ AI ประเมินความเสี่ยงและตรวจจับฉ้อโกง อีคอมเมิร์ซปรับเนื้อหาให้เหมาะกับแต่ละคน โรงงานทดลองบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ โรงพยาบาลวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ ขนส่งหาเส้นทางที่ดีที่สุด สำนักกฎหมายค้นหาข้อมูลและร่างเอกสารสัญญาทางกฎหมาย

ในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าราคา AI จะถูกลงอีก 30-50% ความสามารถของ AI ราคาถูกจะใกล้เคียงพรีเมียม เกิด AI เฉพาะทาง (กฎหมาย, การแพทย์, การศึกษา) ราคาถูก ภายในปี 2027-2028 AI จะกลายเป็นสาธารณูปโภคเหมือนอินเทอร์เน็ต มีแบบจ่ายตามใช้จริง AI บนมือถือจะแข่งกับคลาวด์ และภาษาไทยจะได้รับการพัฒนาจริงจัง

อย่างไรก็ตามต้องระวัง การแข่งขันรุนแรงอาจทำให้ผู้เล่นรายเล็กล้มหายไป คุณภาพและความปลอดภัยข้อมูลอาจตกต่ำ และช่องว่างระหว่างคนที่ใช้ AI เป็นกับไม่เป็นจะกว้างขึ้นอย่างมาก

ศึก AI เดือดจัด Google VS OpenAI เปิดบริการใหม่ราคาถูกลง 90% ดร. กอบกฤตย์ กล่าวต่อไปอีกว่า เราควรเริ่มจากงานที่ AI ทำได้ดีทันที อย่างแชทบอตบริการลูกค้า อบรมพนักงานทุกระดับให้ใช้ AI ในงานเอกสารต่างๆ ไม่ใช่แค่ทีมไอที สร้างกลยุทธ์ชัดเจนเชื่อมกับเป้าหมายธุรกิจ ใช้แบบผสมผสานระหว่าง AI ราคาถูกจากบริษัทใหญ่กับ AI ที่ปรับแต่งเฉพาะงาน ร่วมมือกับผู้ให้บริการในประเทศที่เข้าใจบริบทไทย ที่สำคัญ ยุคนี้ไม่ใช่ทุกคนต้องเป็นวิศวกร AI แต่ทุกคนต้องเป็นผู้ใช้ AI ที่ฉลาด เข้าใจจุดแข็งจุดอ่อน รู้จักเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม และประเมินคุณภาพผลลัพธ์ที่ AI สร้างได้

“ไทยมีคนเก่ง มีตลาดใหญ่ และมีรัฐบาลที่เริ่มให้ความสำคัญ ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว ถ้าไม่ทำตอนนี้ เราจะพลาดโอกาสทองนี้ตลอดไป”

ศึก AI เดือดจัด Google VS OpenAI เปิดบริการใหม่ราคาถูกลง 90%

ทั้งนี้ Google AI Plus ได้เปิดตัวบริการใหม่ในประเทศไทย ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่รองรับการใช้งาน AI ขั้นสูงในราคาที่เอื้อมถึง โดยผู้ใช้งานสามารถสมัครบริการ Google AI Plus ในราคาเพียง 95 บาทต่อเดือน จากราคาเต็ม 189 บาท พร้อมส่วนลด 50% สำหรับการสมัครในช่วง 6 เดือนแรก

นายไคลัน เนีย ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโส, Google One กล่าวว่า “Google AI Plus แผนบริการใหม่ของเราได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้มากขึ้นด้วยฟีเจอร์ AI ล่าสุดจาก Google ในราคาที่เหมาะสม โดยบริการนี้มีฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น โดยมีการรองรับการใช้งานร่วมกับ Google Workspace ในแอปต่างๆ เช่น Gmail, Google Docs, Sheets และ Meet นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เก็บข้อมูล 200GB สำหรับใช้ใน Gmail, Google Drive และ Photos”

ฟีเจอร์ที่ Google AI Plus เสนอ ได้แก่ การเข้าถึงเวอร์ชัน 2.5 Pro และ Deep Research ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะในด้านการสร้างและการแก้ไขภาพในแอป Gemini รวมถึงฟีเจอร์ Flow และ Whisk ซึ่งมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานกับวิดีโอและภาพ ทำให้การใช้งานมีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ผู้ใช้งานในประเทศไทยยังสามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ เหล่านี้ได้อย่างครบถ้วนในแผนบริการเดียว

การขยายบริการ Google AI Plus ไปยังประเทศไทยถือเป็นการขยายตลาด AI ของ Google ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเปิดให้บริการใน 77 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึง 36 ประเทศใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทำให้ผู้ใช้งานในไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ที่ทันสมัยในราคาที่เหมาะสมและเอื้อมถึงได้มากขึ้น

ในขณะเดียวกัน OpenAI ก็ได้ประกาศเปิดตัว ChatGPT Go แผนบริการใหม่ในประเทศไทย ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่รองรับการใช้งาน AI ขั้นสูงในราคาย่อมเยา แผนบริการ ChatGPT Go มีราคาเริ่มต้นที่ 259 บาทต่อเดือน และมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานในประเทศไทยสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ของ GPT-5 ที่เป็นโมเดลล้ำสมัยที่สุดจาก OpenAI

นายเจสัน ควอน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ OpenAI กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่ ChatGPT เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเติบโตของผู้ใช้งานในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าในปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจของคนไทยที่มีต่อการใช้งาน AI ในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง และการเปิดตัว ChatGPT Go นี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานในประเทศไทยสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น”

ChatGPT Go เป็นแผนบริการที่ออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ที่หลากหลายของ ChatGPT เช่น การเพิ่มขีดจำกัดในการส่งข้อความ การสร้างภาพ และการอัปโหลดไฟล์ รวมถึงฟีเจอร์หน่วยความจำที่เพิ่มขึ้น 2 เท่า ทำให้การใช้งาน AI มีความสะดวกและตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการใช้งานสำหรับการแปลภาษา การเรียนการสอน และคำแนะนำต่าง ๆ

ฟีเจอร์สำคัญในแผน ChatGPT Go ได้แก่ ขีดจำกัดการส่งข้อความที่เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า, การสร้างภาพ (Image Generation) มากขึ้น 10 เท่าต่อวัน,การอัปโหลดไฟล์หรือรูปภาพได้มากขึ้น 10 เท่าต่อวัน และหน่วยความจำที่ยาวนานขึ้น 2 เท่า ซึ่งทำให้การตอบกลับจาก ChatGPT มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีแผนบริการอื่นๆ จาก OpenAI ซึ่งเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งานที่ต้องการฟีเจอร์ที่มีความสามารถสูงขึ้น เช่น แผน ChatGPT Plus ที่ราคา 699 บาทต่อเดือน พร้อมการเข้าถึงแบบ Priority Access และแผน ChatGPT Pro สำหรับมืออาชีพที่ต้องการเครื่องมือระดับสูงสุดในราคา 6,999 บาทต่อเดือน

การเปิดตัวทั้ง Google AI Plus และ ChatGPT Go ในประเทศไทย ถือเป็นการขยายตลาด AI ที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีความสนใจและการใช้งาน AI ในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเปิดตัวบริการเหล่านี้จะทำให้ผู้ใช้งานในไทยสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่สามารถช่วยให้การทำงานประจำวันมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งรองรับความต้องการในการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในภาคการศึกษาการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน