งานวิจัยชี้ชัด 70% ใช้ ChatGPT แก้ปัญหาส่วนตัวมากกว่าการทำงาน

03 ต.ค. 2568 | 04:31 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ต.ค. 2568 | 05:03 น.

OpenAI ร่วม Harvard–Duke เผยผลวิจัยล่าสุด พบบทสนทนา 1.5 ล้านครั้งใน ChatGPT ส่วนใหญ่ถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับงาน ขณะที่บทบาทด้านการทำงานขยับจาก “ผู้ผลิตเนื้อหา” ไปสู่ “ผู้ช่วยปรับแต่งและให้คำปรึกษา”

KEY

POINTS

  • งานวิจัยล่าสุดชี้ว่าผู้ใช้ ChatGPT ราว 70-73% นำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาส่วนตัว ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ขณะที่การใช้งานด้านงานลดลง
  • แม้การใช้งานในเชิงการทำงานจะลดลง แต่รูปแบบได้เปลี่ยนไปเป็นการใช้ AI ในฐานะ "ผู้ช่วยปรับแต่ง" เช่น แก้ไข สรุป หรือแปลข้อความ มากกว่าการสร้างเนื้อหาใหม่
  • เกือบครึ่งหนึ่งของการใช้งานเป็นการถามเพื่อหาข้อมูลและแนวทางประกอบการตัดสินใจ ทำให้บทบาทของ ChatGPT เปลี่ยนจากผู้ผลิตเนื้อหาไปเป็นเสมือน "ที่ปรึกษา" มากขึ้น

รายงานวิจัยล่าสุดโดย OpenAI ร่วมกับนักวิจัยมหาวิทยาลัย Harvard และ Duke เผยแพร่ผ่านสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ (NBER) พบว่า การใช้งาน ChatGPT ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 ถึงกรกฎาคม 2568 ส่วนใหญ่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงาน

โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูลการสนทนาใน ChatGPT ราว 1.5 ล้านครั้ง พบว่า 70–73% ของข้อความเป็นการใช้งานส่วนตัว เพิ่มขึ้นจาก 53% เมื่อกลางปี 2567 ขณะที่การใช้งานด้านงานลดลงเหลือเพียง 27–30%

งานวิจัยชี้ชัด 70% ใช้ ChatGPT แก้ปัญหาส่วนตัวมากกว่าการทำงาน แม้สัดส่วนการใช้งานเชิงงานจะลดลง แต่ลักษณะการใช้งานกลับเปลี่ยนจาก “ผลิตเนื้อหา” ไปสู่ “ผู้ช่วยปรับแต่ง” เช่น การแก้ไข ปรับโทน สรุป หรือแปลข้อความ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของข้อความที่เกี่ยวข้องกับงาน

 

ขณะเดียวกันรายงานยังระบุว่า 49% ของการใช้งานเป็นการถามเพื่อหาข้อมูลหรือแนวทางสนับสนุนการตัดสินใจ มากกว่าการสั่งให้ระบบทำงานโดยตรง ทำให้ ChatGPT ถูกใช้เสมือน “ที่ปรึกษา” มากขึ้น

งานวิจัยชี้ชัด 70% ใช้ ChatGPT แก้ปัญหาส่วนตัวมากกว่าการทำงาน

กลุ่มอาชีพด้านการสื่อสารถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในผู้ใช้ที่นำ AI มาช่วยยกระดับเนื้อหา เช่น ปรับโทนเสียงการเขียน ร่างคำพูดผู้บริหาร และใช้เพื่อการเรียนรู้หรือฝึกฝนทักษะ โดยคิดเป็น 29% ของการใช้งานเชิงงาน

 

นอกจากนี้ งานวิจัยของ Anthropic ผู้พัฒนา Claude chatbot ยังสะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำด้านการใช้งาน AI เชื่อมโยงกับรายได้เฉลี่ยของประเทศ เศรษฐกิจแข็งแรง เช่น สิงคโปร์และแคนาดา มีการใช้งานสูงกว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดียและอินโดนีเซีย แม้แต่ในสหรัฐฯ ก็พบความแตกต่างระหว่างรัฐ โดยแคลิฟอร์เนียมักใช้เพื่อแก้ปัญหา IT ฟลอริดาใช้กับงานบริการการเงิน และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ใช้ด้านงานเอกสารและให้คำปรึกษา

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การมองว่า AI เป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตเพียงอย่างเดียว อาจทำให้พลาดโอกาส เพราะคุณค่าที่แท้จริงกำลังอยู่ที่การนำมาใช้แก้ปัญหาในปัจจุบัน โดย ChatGPT กำลังขยับจาก “ผู้ผลิตเนื้อหา” ไปสู่ “ที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์” ของมนุษย์