โดย Amazon ได้ประกาศว่าพวกเขาคาดว่าการใช้ AI จะช่วยลดพนักงานในระยะยาว โดยเฉพาะในแผนกที่สามารถทำงานซ้ำๆ เช่น การจัดการสินค้าคงคลังและการพยากรณ์ความต้องการ การนำ AI มาใช้ในการทำงานต่างๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบริษัทให้ดีขึ้น และส่งผลให้ต้องลดจำนวนพนักงานบางส่วนลง
แอนดี้ แจสซี่ ซีอีโอของ Amazon กล่าวในการบันทึกถึงพนักงานว่า "การใช้ Generative AI จะทำให้เราไม่ต้องมีคนทำงานซ้ำๆ แต่จะเพิ่มการคิดเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าและคิดค้นสิ่งใหม่ๆ" นอกจากนี้เขายังกล่าวว่าในอนาคตบริษัทจะใช้ AI อย่างกว้างขวางในส่วนต่างๆ เช่น การจัดการสินค้าคงคลัง และการปรับปรุงระบบจัดส่ง
ในขณะเดียวกัน Microsoft ก็เตรียมปลดพนักงานจำนวนมาก โดยมุ่งเป้าหมายหลักไปที่ทีมขาย ทั้งนี้ยังไม่มีการยืนยันจาก Microsoft เกี่ยวกับการตัดงานนี้ โดย Microsoft ระบุว่าเป็นการประเมินลำดับความสำคัญทางธุรกิจที่เหมาะสมกับโอกาสการเติบโตในอนาคต
การปรับเปลี่ยนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Microsoft และ Amazon ต่างลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในด้าน AI โดย Amazon คาดว่าจะใช้จ่ายประมาณ 105 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานของ AI สำหรับ Amazon Web Services ในปี 2025 ขณะที่ Microsoft ตั้งเป้าหมายใช้งบประมาณ 80 พันล้านดอลลาร์ในปีเดียวกันเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI
Amazon และ Microsoft ต่างประกาศการปลดพนักงานในปีที่ผ่านมา Microsoft ปลดพนักงาน 3% ในเดือนพฤษภาคมหลังจากรายงานผลประกอบการที่ดี Amazon ตัดงานกว่า 27,000 ตำแหน่งระหว่างปี 2022 และ 2023 ในขณะที่แจสซี่กำลังโฆษณาความพยายามด้าน AI บริษัทปลดพนักงานอีก 100 คนในเดือนพฤษภาคม ท่ามกลางความพยายามอย่างรุนแรงของซีอีโอในการตัดการจัดการระดับกลาง ขณะที่มองหาวิธีดำเนิน Amazon เหมือน "สตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก"
ตามรายงานล่าสุดจาก Challenger, Gray & Christmas "การอัปเดตทางเทคโนโลยี" ที่บริษัทต่าง ๆ เช่น การนำ AI มาใช้ นำไปสู่การปลดพนักงาน 20,000 คนในห้าเดือนแรกของปี 2025 Goldman Sachs ประมาณการในรายงานปีที่แล้วว่า Generative AI จะทำให้งานเกือบ 25% ในทุกอุตสาหกรรมเป็นแบบอัตโนมัติ
การตัดสินใจปลดพนักงานเกิดขึ้นในช่วงที่บริษัทต่างๆ รวมถึง Intel ซึ่งเป็นผู้นำในด้านการผลิตชิป กำลังเผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันในตลาด โดย Intel เตรียมปลดพนักงานในโรงงานถึง 10,000 คนในช่วงกลางปี 2025 ซึ่งถือเป็นการตัดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท เนื่องจากบริษัทต้องการปรับโครงสร้างและลดค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเงิน
ที่มา Yahoo Finance และ Techspot