กสทช. ไฟเขียว SOP ใหม่ รีบรอดแคสต์แจ้งเหตุฉุกเฉินส่งตรงถึงประชาชน

26 ธ.ค. 2568 | 05:52 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ธ.ค. 2568 | 06:00 น.

กสทช. อนุมัติขั้นตอนมาตรฐาน บังคับสถานีวิทยุ เตือนภัยพิบัติและเหตุฉุกเฉินร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ เสริมทัพระบบ Cell Broadcast และ ดิจิทัลทีวี ทำการกระจายเสียง

กสทช. มีมติเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2568 อนุมัติขั้นตอนมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) ให้ผู้ประกอบการสถานีวิทยุกระจายเสียงทุกราย (ที่ได้รับอนุญาต) มีหน้าที่ออกอากาศแจ้งเตือนภัยพิบัติทันทีที่ได้รับคำสั่ง จากเดิมที่เป็นหน้าที่หลักของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) เพียงอย่างเดียว

พลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียง กล่าวว่า  ที่ผ่านมาการแจ้งเตือนภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉินในกิจการกระจายเสียงนั้น กรมประชาสัมพันธ์ภายใต้สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) เป็นผู้ดำเนินการเป็นหลักและทำหน้าที่ได้ดีมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด แต่การผลักดันให้มี SOP ฉบับนี้ เพื่อขยายช่องสัญญาณและพื้นที่การรับฟังของ สวท.

โดยให้สถานีวิทยุกระจายเสียงทุกสถานีต้องทำหน้าที่รับสัญญาณจาก สวท. มา Rebroadcast หรือขยายผลเนื้อหา เพื่อให้ประชาชนสามารถรับฟังได้มากขึ้น แม้ว่าการกำหนด SOP ในครั้งนี้ยังคงเป็นแบบ Manual อย่างไรก็ตามในปีหน้าได้มีนโยบายให้สำนักงาน กสทช. ศึกษาและพัฒนาระบบเพื่อให้สามารถแจ้งเตือนภัย

โดยมีการตัดสัญญาณออกอากาศแบบอัตโนมัติ รวมทั้งกำหนดพื้นที่เป้าหมายการแจ้งเตือนได้ เช่นเดียวกับโครงข่าย Cell Broadcast หรือ Digital TV ซึ่งในเรื่องนี้ประเทศไทยควรจะต้องมีโครงข่ายวิทยุในระบบดิจิทัล DAB+ ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานในการแจ้งเตือนภัยพิบัติที่เป็นมาตรฐานสากลที่หลายประเทศใช้เป็นโครงข่ายสำรองกรณีโครงข่ายหลักเช่นโทรศัพท์เคลื่อนที่งานใช้ไม่ได้ ต่อไป 

กลไกการทำงาน: รับคำสั่ง-กระจายต่อ

ต้นทาง: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นผู้กำหนดเนื้อหาและเป้าหมายการเตือนภัย

ตัวกลาง: สถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ (สวท.) เป็นแม่ข่ายส่งสัญญาณ

ปลายทาง: สถานีวิทยุทุกรายที่ได้รับคำสั่ง ต้องทำการ Rebroadcast (เกี่ยวสัญญาณ) เพื่อออกอากาศเนื้อหาแจ้งเตือนทันที เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่รับบริการ

 แผนการดำเนินงาน 3 ระยะ

ปัจจุบัน: ใช้ระบบ Manual และเริ่มการซักซ้อมทดสอบขั้นตอน (Drill) เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานจริง

ปี 2569 (ระยะใกล้): พัฒนาระบบให้สามารถ "ตัดสัญญาณออกอากาศแบบอัตโนมัติ" และระบุพื้นที่เป้าหมายได้แม่นยำขึ้น

อนาคต: ผลักดันโครงข่ายวิทยุดิจิทัล (DAB+) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล เพื่อเป็นโครงข่ายสำรองกรณีระบบสื่อสารหลัก (เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่) ขัดข้อง