บอร์ด กสทช.ลงมติ 4:3 ล้มโครงการเน็ตชายขอบ มูลค่า 2.4 พันล้านบาท

01 ธ.ค. 2568 | 08:47 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ธ.ค. 2568 | 08:58 น.

บอร์ด กสทช.ลงมติ 4 : 3 ล้มโครงการเน็ตชายขอบและพื้นที่ห่างไกล ขอขยายอายุ 9 เดือน มูลค่า 2.4 พันล้าน เหตุใช้เงินกองทุนผิดประเภท

KEY

POINTS

  • บอร์ด กสทช. มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ไม่เห็นชอบการขยายสัญญาโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบและพื้นที่ห่างไกล
  • โครงการดังกล่าวเป็นการขอขยายระยะเวลาสัญญาออกไปอีก 9 เดือน โดยใช้งบประมาณ 2,400 ล้านบาท
  • เหตุผลในการคัดค้านคือการใช้งบประมาณจากกองทุน กทปส. ไม่สอดคล้องกับแผน และไม่มีการประเมินความต้องการใช้งานจริงในแต่ละพื้นที่ก่อนเสนอขอขยายสัญญา

วันนี้ 1 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานในวันนี้ว่า การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. มีวาระสำคัญที่ค้างคามาหลายเดือนนั่น คือ เรื่อง งานบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ส่วนขยายบริการต่อเนื่อง การให้บริการโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและปรับปรุงอุปกรณ์การให้บริการ ภายใต้โครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ และ บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ (โซน C+) และ โครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (โซน C ) ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาภายในสิ้นปีนี้ โดยจะขอขยายระยะเวลาออกไปอีก 9 เดือน งบประมาณ 2,400 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามที่ประชุมไม่สามารถหาข้อยุติได้ จึงนำมาซึ่งการโหวตด้วยมติ ไม่เห็นชอบ 4: 3 โดยกรรมการที่ไม่เห็นชอบ 4 คน ประกอบด้วย

  • พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ
  • นางสาวพิรงรอง รามสูต
  • นายศุภัช ศุภชลาศัย
  • และนายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์

กรรมการที่เห็นชอบ 3 คน ประกอบด้วย

  • นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช 
  • นายต่อพงศ์ เสลานนท์
  • พลตำรวจเอก ณัฐธร เพราะสุนทร

กสทช.ลงมติ 4:3 ล้มโครงการเน็ตชายขอบ มูลค่า 2.4 พันล้านบาท

เหตุผลที่กรรมการมีมติโหวตคว่ำโครงการดังกล่าว เนื่องจาก งบประมาณ 2,400 ล้านบาทนั้น สำนักงานกสทช.ขอใช้งบจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ กทปส. หรือ ยูโซ่ บัญชีที่ 1 ซึ่งเป็นงบประมาณที่สำรองไว้สำหรับใช้โครงการอื่นๆนอกเหนือจากโครงการเดิมที่กำหนด ไม่สอดคล้องกับการใช้งบประมาณของกองทุนตามแผนยูโซ่ ที่สำคัญสำนักงานกสทช.ไม่ได้มีการประเมินผลการดำเนินงานว่ามีพื้นที่ไหนที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบ้าง แต่เป็นการเหมารวมต่ออายุให้ทุกหมู่บ้าน จึงไม่สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันซึ่งในบางพื้นที่อาจไม่มีการใช้งานแล้ว.