KEY
POINTS
ปี 2569 จะเป็นปีที่ เทคโนโลยี AI กำลังก้าวข้ามจากการเป็นเพียงเครื่องมือช่วยเหลือ ไปสู่การเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับมนุษย์อย่างแท้จริง ขณะที่ชาติมหาอำนาจทางเทคโนโลยีสองขั้วอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน ต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือดกับการพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคต เช่นเดียวกับประเทศไทยก็กำลังเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้
ฐานเศรษฐกิจ มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นายเมทริกซ์ ชุง (Mr.Matrix Choong) ผู้จัดการทั่วไปบริษัท แอดวานซ์เทค คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Advantech ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นอุตสาหกรรมอัจฉริยะและ Edge AI ที่มีประสบการณ์ในวงการเทคโนโลยีไทยมากกว่า 20 ปี ได้เปิดมุมมองที่น่าติดตามเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า พร้อมชี้ให้เห็นว่าทำไมปี 2569 จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทุกคนต้องเตรียมพร้อม
เขาย้อนว่า หากย้อนกลับไปเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา AI ยังเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในบางงาน แต่ในปีหน้า โดยมองว่าเราจะก้าวเข้าสู่ยุคของ AI Agent ที่พร้อมใช้งานจริงในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา หรือแม้แต่ชีวิตประจำวันของคนทั่วไป
"ลองนึกภาพว่าเราเปิดโทรศัพท์มือถือแล้วเห็น App ต่าง ๆ มากมาย ในปีหน้า AI Agent จะเป็นเหมือนกับสิ่งเหล่านั้น เข้ามาช่วยงานในทุกจุด ทำหน้าที่เหมือนผู้ช่วยส่วนตัวหรือพนักงานที่สามารถหาข้อมูล วิเคราะห์ และช่วยคิดงานได้ทันที" นายเมทริกซ์ ระบุ
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่การพัฒนาทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้ใช้งานโดยสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่น กรณีการเกิดขึ้นของ ChatGPT ที่ทำให้ยอดการค้นหาผ่าน Google Search ลดลง เพราะผู้คนต้องการคำตอบโดยตรง ไม่ต้องการเสียเวลาคลิกลิงก์หน้าเว็บต่าง ๆ เหมือนในอดีต
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่ได้แค่เปลี่ยนเครื่องมือที่เราใช้ แต่กำลังเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำงานของเราไปโดยสิ้นเชิง
เบื้องหลังการพัฒนา AI ที่รวดเร็วนั้น ในปีหน้า 2569 เทรนด์สำคัญที่ต้องจับตาอ่างใกล้ชิด นั่นคือการแข่งขันอย่างดุเดือดระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ ทั้ง สหรัฐอเมริกาและจีน โดยทั้งสองฝ่ายกำลังตั้งเป้าไปที่จุดเดียวกัน นั่นคือ เทคโนโลยี AGI หรือ Artificial General Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ระดับสูงสุดที่เรียนรู้ได้เองเหมือนมนุษย์ ซึ่งเป็นระดับของ AI ที่สามารถเรียนรู้โลกได้ด้วยตัวเอง เข้าใจตรรกะ ฟิสิกส์ อุณหภูมิ และแรงโน้มถ่วงในโลกกายภาพ
"AGI คือจุดเปลี่ยนที่แท้จริง หากใครสามารถสร้าง AGI ได้สำเร็จ จะสามารถผลิตซ้ำ AI ที่เก่งกาจได้เป็นล้านตัวเพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นยารักษาโรคได้เร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในอุตสาหกรรมอย่างไร้ขีดจำกัด"
อย่างไรก็ดีในสนามการแข่งขั้นครั้งนี้ แต่ละฝ่ายมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน โดยประเมินว่า สหรัฐอเมริกามีความโดดเด่นด้านการออกแบบชิป และการวิจัย AI Model ที่ก้าวหน้า แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องปัญหาพลังงานไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอสำหรับ Data Center ขนาดใหญ่ ขณะที่จีนเอง มีจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน และบุคลากรด้าน AI จำนวนมหาศาล รวมถึงมี AI Model แบบ Open Source ที่หลากหลายกว่า และมีจำนวนผู้ใช้จำนวนมหาศาล
นายเมทริกซ์ ยอมรับว่า การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันทางเทคโนโลยี แต่เป็นการแข่งขันเพื่อความเป็นผู้นำในอนาคตของโลก ประเทศใดที่ก้าวถึง AGI ก่อน จะได้เปรียบอย่างมหาศาลในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และความมั่นคง
แม้ไทยอาจไม่ได้อยู่ในแถวหน้าของการแข่งขันสู่ AGI แต่นายเมทริกซ์ มองว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งที่น่าสนใจ นั่นคือการผลักดัน AI แบบบนลงล่าง หรือ Top to Bottom ตั้งแต่ระดับรัฐบาลที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงภาคเอกชนและพนักงานที่เปิดใจยอมรับเทคโนโลยีใหม่
"ไทยมีความโชคดีที่ทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความสำคัญกับ AI พร้อมกัน โดยพนักงานไทยก็เปิดใจที่จะเรียนรู้และใช้เครื่องมือใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้การปรับใช้ AI ในไทยถือว่าค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค"
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันคือ หน่วยงานของรัฐลงทุนในเทคโนโลยีการใช้กล้อง AI ตรวจจับปริมาณรถและปรับสัญญาณไฟจราจรแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องรอรอบเวลาแบบสมัยก่อน หรือในภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI ตรวจสอบคุณภาพสินค้า ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการตัดสินใจและการรอคิวงานลงอย่างมาก
ส่วนตัวมองว่า อุตสาหกรรมที่ปรับตัวได้ดีที่สุดคืออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากกระบวนการผลิตมีความเป็นดิจิทัลสูงอยู่แล้ว มากกว่าโรงงานรถยนต์หรืออุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้เวลาหลายขั้นตอนในการปรับเปลี่ยน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เคมีภัณฑ์ และเหล็กในประเทศไทยที่เริ่มนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลาย
ส่วนข้อเสนอแนะชัดเจนต่อภาครัฐว่า ควรทำตัวเป็น Role Model ในการใช้งาน AI และส่งเสริมการศึกษาเพื่อให้คนไทยเรียนรู้และลองใช้เครื่องมือใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะ AI เปลี่ยนแปลงเร็วมาก
หนึ่งในคำถามที่หลายคนกังวลคือ AI จะมาแย่งงานหรือไม่ นายเมทริกซ์ เชื่อว่า AI จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยที่ช่วยลดเวลาทำงานลงอย่างมาก ไม่ใช่มาแทนที่มนุษย์ ทั้งการทำงานหาข้อมูล เพราะ AI สามารถช่วยหาข้อมูล สรุปจากหลายแหล่ง ซึ่งเดิมอาจใช้เวลาหลายวัน แต่ AI ทำได้ในไม่กี่นาที เช่นเดียวกับวิศวกร AI ช่วยรีวิวโค้ดเก่าที่เขียนมานานหลายสิบปี เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องและพัฒนาต่อยอดได้เร็วขึ้น
"คนที่จะประสบความสำเร็จในอนาคตไม่ใช่คนที่ไม่ใช้ AI แต่เป็นคนที่รู้จักใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ" นายเมทริกซ์ย้ำ
เขายังมองไปไกลถึงอนาคตที่เราอาจไม่จำเป็นต้องมีสมาร์ทโฟน แต่อาจใช้แว่นตาหรือการพูดคุยโต้ตอบกับ AI โดยตรง การเปลี่ยนแปลงของอินเทอร์เฟซจะทำให้การเข้าถึง AI เป็นเรื่องง่ายและธรรมชาติมากขึ้น
อย่างไรก็ดี Advantech กำลังมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี Edge AI หรือการประมวลผล AI ที่หน้างานหรือในพื้นที่จริง ซึ่งแตกต่างจากการส่งข้อมูลไปประมวลผลที่ Cloud ทำให้ได้ผลลัพธ์เร็วและแม่นยำกว่า ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัว Super AI Computer ที่ใช้ชิปจาก Nvidia ตระกูล Jetson
โดยมีประสิทธิภาพการประมวลผล AI สูงถึง 2,070 FP4 TFLOPs ช่วยให้สามารถประมวลผลแบบเรียลไทม์สำหรับแอปพลิเคชัน Edge ที่ซับซ้อนได้ หากเทียบกับ Supercomputer อันดับหนึ่งของโลกในปี 2009 เครื่องเล็กๆ เครื่องนี้มีพลังประมวลผลที่ใกล้เคียงกันมาก
เครื่องนี้สามารถรองรับ Physical AI ซึ่งประกอบด้วย "ตา" จากกล้องและระบบวิเคราะห์วิดีโอ "หู" จากการรับฟังภาษา และ "ปาก" จากลำโพง เพื่อทำงานร่วมกับมนุษย์หรือใช้ในระบบหุ่นยนต์และรถยนต์ไร้คนขับ
ขณะเดียวกัน Advantech กำลังเตรียมจัดงานประชุมระดับภูมิภาค Advantech ASEAN Connect Conference 2026 หรือ APC 2026 ในวันที่ 2-3 เมษายน 2569 ที่เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย เป็นการต่อยอดจากงาน IoT Automation Focused Partner Conference 2025 ที่จัดไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่กรุงไทเป ซึ่งมีพันธมิตรเข้าร่วมถึง 132 คนจาก 76 บริษัทใน 16 ประเทศทั่วโลก
งาน APC 2026 จะเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอด้าน Edge AI และ Edge Computing รวมถึงการสร้างระบบนิเวศ Co-creation Ecosystem ในอาเซียน โดยรวมผู้บริหารอุตสาหกรรม ผู้ใช้ปลายทาง พันธมิตรธุรกิจ สมาคมอุตสาหกรรม และหน่วยงานรัฐเข้าด้วยกัน
อย่างไรก็ตามปี 2569 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ AI จากการเป็นเครื่องมือไปสู่การเป็นผู้ช่วยที่อัจฉริยะและพร้อมใช้งานจริง การแข่งขันสู่ AGI ระหว่างมหาอำนาจจะยิ่งทวีความเข้มข้น และประเทศต่างๆ รวมถึงไทย จำเป็นต้องเร่งปรับตัวรองรับอย่างเร่งด่วน