แนะองค์กรปรับสู่ยุค Cloud-Smart ย้ำ Open-Core คุมข้อมูล-สอดรับ PDPA

10 พ.ย. 2568 | 07:01 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ย. 2568 | 07:13 น.

องค์กรไทยเร่งทบทวนยุทธศาสตร์คลาวด์ จาก Cloud-First สู่ Cloud-Smart วางโครงสร้างไฮบริด เก็บข้อมูลสำคัญในประเทศ เพิ่มความโปร่งใสด้วย Open-Core เพื่อลดความเสี่ยงไซเบอร์และปฏิบัติตาม PDPA อย่างเคร่งครัด

KEY

POINTS

  • องค์กรไทยกำลังเปลี่ยนจากแนวคิด Cloud First ไปสู่ Cloud-Smart เพื่อสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ และการควบคุมอธิปไตยข้อมูลที่โปร่งใสตรวจสอบได้
  • แนวทาง Cloud-Smart เน้นใช้สถาปัตยกรรมแบบไฮบริด โดยเก็บข้อมูลสำคัญและข้อมูลส่วนบุคคลไว้ใน Private Cloud หรือดาต้าเซ็นเตอร์ที่ควบคุมได้เอง เพื่อให้สอดรับกับ PDPA
  • ซอฟต์แวร์แบบ Open-Core เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบความปลอดภัย ควบคุมที่ตั้งข้อมูลได้สมบูรณ์ และลดการผูกมัดกับผู้ให้บริการคลาวด์รายเดียว

ในบริบทที่ความมั่นคงไซเบอร์และกติกาคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขยับเป็น “โจทย์ชาติ” มากกว่าภารกิจฝ่ายไอที องค์กรไทยกำลังเคลื่อนจากแนวคิด Cloud First ไปสู่ยุค “Cloud-Smart” ที่เน้นสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ ประหยัดต้นทุน และการควบคุมอธิปไตยข้อมูลอย่างพิสูจน์ตรวจสอบได้ ตั้งแต่ชั้นซอฟต์แวร์ถึงที่ตั้งข้อมูลจริง “แนวโน้มนี้ชัดขึ้นเรื่อย ๆ ในอาเซียน โดยเฉพาะไทย ซึ่งเริ่มตั้งคำถามกับระบบคลาวด์ที่ขาดความโปร่งใส

นายมาร์คัส เทโอ (Marcus Teo) รองประธานภูมิภาคและผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซินาคอร์ (Synacor) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าเส้นทาง Cloud First แม้ช่วยเพิ่มความเร็วและลดต้นทุน แต่เริ่มเผยจุดเปราะบางด้านความปลอดภัยและธรรมาภิบาลข้อมูล เนื่องจากผู้ให้บริการจำนวนไม่น้อยทำงานคล้าย “กล่องดำ” องค์กรมองไม่เห็นว่าข้อมูลอยู่ที่ใด ใครเข้าถึงได้จริง หรือมีมาตรการกู้คืนเหตุการณ์เพียงใด ส่งผลให้การพิสูจน์ปฏิบัติตาม PDPA และมาตรฐานการสืบสวนไซเบอร์ทำได้ยากขึ้น

แนะองค์กรปรับสู่ยุค Cloud-Smart ย้ำ Open-Core คุมข้อมูล-สอดรับ PDPA สำหรับความเสี่ยงไม่ได้เกิดจากคลาวด์เอง แต่จาก “การขาดอำนาจควบคุมและตรวจสอบได้” เมื่อผู้บริหารไม่สามารถยืนยันตำแหน่งที่ตั้งข้อมูล กลไกความปลอดภัย หรือสิทธิในการเข้าถึงเพื่อทำฟอเรนซิกส์ได้ทันที องค์กรจึงต้องพึ่งเพียงใบรับรองจากผู้ให้บริการ ซึ่งไม่เพียงพอในยุคที่ภัยไซเบอร์เป็นเรื่อง “เมื่อไร” ไม่ใช่ “จะเกิดหรือไม่”

จากบทเรียนดังกล่าว โมเดลที่กำลังเป็นมาตรฐานใหม่คือ Cloud-Smart ซึ่งไม่ใช่การปฏิเสธคลาวด์ แต่เป็นการใช้คลาวด์อย่างมีสติและตรวจสอบได้ โดยออกแบบสถาปัตยกรรมแบบไฮบริด แยกข้อมูลตามความอ่อนไหว กำหนดให้ข้อมูลภารกิจสำคัญและข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ใน Private Cloud หรือดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศ ขณะที่เวิร์กโหลดทั่วไปใช้ Public Cloud ลดความเสี่ยง Vendor Lock-in และปรับมาตรการความปลอดภัยได้ทันตามภัยคุกคามจริงขององค์กร

กลไกสำคัญที่ทำให้ Cloud-Smart ทำงานได้คือซอฟต์แวร์ Open-Core เน้นความโปร่งใส เปิดให้ตรวจสอบโค้ดหรือองค์ประกอบสำคัญ ยืนยันไม่มีฟังก์ชันซ่อนเร้นและปรับมาตรการป้องกันภัย เช่น ฟิชชิง (Phishing) การสวมรอยผู้บริหาร (BEC) และแรนซัมแวร์ อีกทั้งบูรณาการกับระบบเดิมได้ ลดข้อผูกมัดด้านเทคนิคและธุรกิจจากผู้ขายรายเดียว

แนะองค์กรปรับสู่ยุค Cloud-Smart ย้ำ Open-Core คุมข้อมูล-สอดรับ PDPA ในหมวดสื่อสารองค์กร Zimbra ถูกยกเป็นตัวอย่างแพลตฟอร์ม Open-Core รองรับทั้ง On-Premise และ Private Cloud ทำให้องค์กรควบคุมที่ตั้งข้อมูล สิทธิ์เข้าถึง และการบันทึกร่องรอยจัดการได้ชัดเจน จึง “พิสูจน์ได้จริง” ไม่ใช่เพียง “เชื่อได้” และเมื่อผสานกับสถาปัตยกรรมไฮบริด ระบบอีเมล์และคอลลาบอเรชันจึงกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานความมั่นคงด้านข้อมูลแทนที่จะเป็นเพียงเครื่องมือสื่อสาร

นายมาร์คัส เทโอ กล่าวว่า เป้าหมายของ Cloud-Smart ไม่ใช่ลดบทบาทคลาวด์สาธารณะ แต่คือการแบ่งชั้นข้อมูลและกำกับดูแลอย่างตรวจสอบได้ โดยองค์กรต้องกำหนดให้ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลภารกิจอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ ขณะที่งานทั่วไปใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นของ Public Cloud ซึ่งสอดรับ PDPA ที่กำหนด “ภาระการพิสูจน์” ชัดเจน

แนะองค์กรปรับสู่ยุค Cloud-Smart ย้ำ Open-Core คุมข้อมูล-สอดรับ PDPA

สำหรับ 3 แนวทางหลักที่องค์กรควรดำเนินการ คือ ยกระดับอีเมล์เป็นระบบความมั่นคง ด้วยการบันทึกเหตุการณ์ละเอียด เข้ารหัสข้อมูล และจำกัดสิทธิ์เข้าถึง, ใช้ Cloud-Smart ตามเกณฑ์ข้อมูล แยกข้อมูลตามความอ่อนไหวและเลือกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และลงทุนในแพลตฟอร์ม Open-Core เพื่อให้ตรวจสอบ–ปรับแต่ง–กู้คืนระบบได้ ลดความเสี่ยง Vendor Lock-in

สำหรับองค์กรไทยที่เดินหน้า Cloud-Smart จะสามารถตอบคำถามสำคัญได้ว่า “ข้อมูลอยู่ที่ไหน ใครควบคุม และเมื่อเกิดเหตุจะรับมืออย่างไร” ซึ่งเป็นฐานของความเชื่อมั่นและอธิปไตยข้อมูลในยุคที่ข้อมูลคือสินทรัพย์ และความไว้วางใจคือทุนธุรกิจที่สำคัญไม่แพ้อื่นใด

นายมาร์คัส เทโอ กล่าวต่อไปว่าการเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ต้องการ “เครื่องมือมหัศจรรย์” หากต้องการ “วินัยเชิงสถาปัตยกรรม” ที่ย้ำซ้ำทุกขั้น–ตั้งแต่การจัดหมวดข้อมูล การกำหนดสิทธิ์เข้าถึง การบันทึก–ตรวจสอบเหตุการณ์ ไปจนถึงแผนกู้คืนที่ซักซ้อมได้จริง เมื่อทุกชั้นงานสอดประสาน องค์กรจะสามารถใช้นวัตกรรมคลาวด์ระดับโลกได้เต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องสูญเสียความสามารถในการกำกับดูแล และไม่แลกอธิปไตยข้อมูลของตนเองไปกับความสะดวกสบายระยะสั้นอีกต่อไป นี่คือเส้นทางที่ภาคธุรกิจไทยกำลังเลือกเดิน เพื่อให้ “ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน” ไม่ใช่เพียงการย้ายระบบ แต่คือการยกระดับความมั่นคง ความโปร่งใส และความรับผิดชอบต่อข้อมูลในระยะยาวอย่างยั่งยืน