ในอดีต หากพูดถึงการส่งของ เรามักนึกถึงเพียงแค่ “ความเร็ว” แต่ในโลกของอีคอมเมิร์ซและผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการมากกว่าการ “ได้รับของทันใจ” วันนี้การจัดส่งพัสดุกลายเป็นสมรภูมิสำคัญของแบรนด์ ที่ใช้ขนส่งเป็นเครื่องมือทางการตลาด สร้างประสบการณ์เฉพาะตัวให้ถึงมือผู้บริโภค และ “สงครามส่งด่วน” ครั้งใหม่นี้กำลังระอุขึ้น เมื่อ 2 แบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าตลาด “ไวไว” และ “มาม่า” หันมาเลือกข้างในสนามการแข่งขันของธุรกิจขนส่งพัสดุด่วน
จุดเริ่มต้นของการเปิดศึกครั้งนี้ มาจากแคมเปญสุดครีเอทีฟ “Waiwai WOW – ไวไวส่งว้าวผ่านไปรษณีย์ไทย ให้คนที่ว้าวที่สุด” ซึ่งไวไวจับมือกับ “ไปรษณีย์ไทย” ใช้ระบบ EMS ส่งพัสดุด่วนที่ไม่ธรรมดา แต่เป็นพัสดุที่ออกแบบมาให้ “เซอร์ไพรส์” ผู้รับในทุกขั้นตอน ตั้งแต่กล่องดีไซน์พิเศษ ไปจนถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบสูตรใหม่สุดพรีเมียม นี่คือการยกระดับประสบการณ์รับของธรรมดาให้กลายเป็น “ของขวัญ” ที่สร้างความรู้สึกเชิงบวกให้แบรนด์ในใจผู้บริโภค
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ให้ภาพชัดว่า EMS ยุคนี้ไม่ได้แค่ส่งของไว แต่ต้อง “ส่งความรู้สึก” ด้วยแนวคิด “Parcel Defined Logistic” ที่ปรับการขนส่งให้เข้ากับแผนการตลาดของแต่ละแบรนด์ นี่คือความพยายามของไปรษณีย์ไทยในการรักษาและขยายฐานลูกค้า ท่ามกลางการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในธุรกิจส่งพัสดุด่วน
การจับมือระหว่าง “แบรนด์อาหารที่คนไทยรู้จักทุกครัวเรือน” กับ “โลจิสติกส์ระดับประเทศ” และ “อสังหาฯ ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์คนเมือง” สะท้อนกลยุทธ์ระยะยาวของมาม่าในการปูพรมสู่ธุรกิจใหม่ที่เชื่อมโยงการผลิต-ขนส่ง-ผู้บริโภค แบบไร้รอยต่อ และอาจมีนัยต่อการจัดส่งสินค้าทางตรงถึงบ้านในอนาคตอันใกล้ ทั้งผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน เครื่องดื่ม หรือแม้แต่โมเดลการขายแบบ Subscription
ในเชิงโครงสร้างการลงทุน บริษัทใหม่มีทุนจดทะเบียน 145 ล้านบาท โดยไทยเพรซิเดนท์ฟู้ดส์ ถือหุ้นใหญ่ 55% ตามด้วยคมสันต์ ลี 25% และชานนท์ เรืองกฤตยา 20% พร้อมวางบอร์ดบริหารโดยตัวแทนจากบริษัทแม่ และ Flash Express ซึ่งชัดเจนว่านี่คือ “แพลตฟอร์มแห่งอนาคต” ของมาม่า
ในอีกมุมหนึ่ง การที่ไวไวเลือกไปรษณีย์ไทยเป็นพันธมิตรหลัก เป็นหมากที่สะท้อนความมั่นใจในเครือข่ายทั่วประเทศ ความน่าเชื่อถือ และต้นทุนที่ควบคุมได้ ขณะเดียวกัน ไปรษณีย์ไทยเองก็กำลังรีแบรนด์ตนเองจาก “ผู้ส่งพัสดุด่วน” เป็น “พาร์ทเนอร์การตลาด” ให้กับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่ออยู่รอดท่ามกลางคู่แข่งที่เข้ามาแย่งชิงพื้นที่ในตลาดส่งพัสดุด่วนมูลค่าหลายหมื่นล้าน
เมื่อแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ใช่แค่แข่งกันที่ “รสชาติ” แต่ลงมาสู้กันที่ “ประสบการณ์จัดส่ง” และเมื่อเบอร์หนึ่ง-เบอร์สองในธุรกิจโลจิสติกส์ของไทยต่างมีพันธมิตรบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นแบ็กอัพ สงครามกล่องพัสดุจึงกลายเป็นแนวรบใหม่ที่จับตา
แม้ตอนนี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการทดลองตลาด แต่ทั้ง “ไวไว” และ “มาม่า” กำลังส่งสัญญาณว่า การครองใจผู้บริโภคยุคนี้ ต้องมาพร้อมกับ “การส่งถึงใจ” ไม่ใช่แค่ “ส่งถึงบ้าน” และเบื้องหลังพัสดุหนึ่งกล่องในวันนี้ คือการขับเคลื่อนของทั้งระบบโลจิสติกส์ การตลาด และเทคโนโลยีที่กำลังผลักดันธุรกิจไทยสู่อนาคต