“สงคราม ส่งด่วน” เป็นการเล่าเรื่องราวการแข่งขันต่อสู้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันของสตาร์ทอัพธุรกิจส่งพัสดุด่วน ก่อนที่บริษัทหนึ่งจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นยูนิคอร์นตัวแรกของประเทศไทย
“ฐานเศรษฐกิจ” ขอพาไปส่องสมรภูมิการแข่งขันของตลาดบริการส่งพัสดุด่วนในไทยในโลกจริง รวมถึงผลประกอบการ รายได้-กำไร (ขาดทุน) ของผู้ประกอบการหลักในตลาด บริการส่งพัสดุด่วน
ธุรกิจบริการส่งพัสดุด่วน เติบโตตามตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยรายงานของกูเกิล มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยในปี 2567 มีมูลค่าสูงถึง 8 แสนล้านบาท (ราว 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เติบโตจากปีก่อนราว 19% โดยถือเป็นการเติบโตที่อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค คาดว่าจะเติบโตแตะ 1 ล้านล้านบาท ในอีก 2 ปีข้างหน้า
ขณะที่ข้อมูลจาก SHIPPOP ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มรวมขนส่งโลจิสติกส์ชี้ให้เห็นว่า มูลค่าตลาดบริการจัดส่งพัสดุของไทยจะทะลุหลักแสนล้านบาทไปแล้วเมื่อสิ้นปี 2567 เพิ่มขึ้น 12% จากปี 2566 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 9.6 หมื่นล้านบาท
ส่วนข้อมูลจาก Mordor Intelligence บริษัทวิจัยตลาดระดับโลก ประเมินตลาดบริการส่งพัสดุด่วนในไทยปี 2568 จะมีมูลค่าประมาณ 2.86 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9.4 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องถึง 4.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.32 แสนล้านบาท ในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 7.16%
ส่วนสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและศูนย์วิจัยธนาคารประมาณการใกล้เคียงกัน คาดว่าตลาดบริการส่งพัสดุด่วน ในช่วงปี 2567-2568 จะมีมูลค่ารวมราว 80,000-100,000 ล้านบาทต่อปี โดยมีจำนวนพัสดุเฉลี่ยที่ส่งต่อวันประมาณ 10-12 ล้านชิ้น
เปิดสมรภูมิการแข่งขัน ผู้เล่น 5 ราย สู้เพื่อความอยู่รอด
ไปรษณีย์ไทย ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาด มียอดรายได้เพิ่มขึ้น พลิกจากการขาดทุนในปีที่แล้วมาเป็นกำไรได้สำเร็จ ด้วยจุดแข็งในฐานเครือข่ายกระจายทั่วประเทศ ฐานข้อมูลพื้นที่ ความไว้วางใจผู้ใช้บริการ และระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ฝังรากลึกในสังคมไทย
แฟลช เอ็กซ์เพรส (Flash Express) ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของตลาด ก่อตั้งโดย 'คมสัน ลี' หนึ่งในไม่กี่ยูนิคอร์นสายโลจิสติกส์ของไทย สร้างชื่อจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์อย่างรวดเร็ว ชูจุดแข็งด้านเทคโนโลยีและการบริการ 365 วันไม่มีวันหยุด แม้ยังมีผลประกอบการขาดทุน แต่การขยายบริการหลายแนวมีแนวโน้มจะกลับมาทำกำไรได้ในอนาคต
เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส (J&T Express) เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะจากยอดส่งพัสดุของ TikTok
เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (KEX) ภายใต้กลุ่ม SF Holding ของจีน กำลังปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ลดพอร์ตธุรกิจลง สะท้อนถึงความเหนื่อยล้าในสนามรบ แม้จะเคยเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดไทย แต่การไหลของรายได้ที่ชะลอลงและต้นทุนดำเนินงานที่สูง ทำให้ต้องทบทวนกลยุทธ์
บิ๊กคอร์ปถอนตัวจากสนามรบ
การแข่งขันที่รุนแรงส่งผลให้แม้แต่บริษัทใหญ่ก็ต้องยอมแพ้ออกจากตลาด กลุ่ม ปตท. ประกาศเลิกกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น การขนส่งผลไม้โดยรถไฟ เพื่อเน้นเฉพาะธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักและสร้าง Synergy ภายในกลุ่มได้
SCG ตัดสินใจปิดบริษัท เอสซีจี เอ็กซ์เพรส จำกัด (SCG EXPRESS) ที่รู้จักกันในนาม "แมวดำ" หลังจากขาดทุนต่อเนื่อง 5 ปี โดยปี 2566 ขาดทุน 184 ล้านบาท, ปี 2565 ขาดทุน 247 ล้านบาท, ปี 2564 ขาดทุน 212 ล้านบาท, ปี 2563 ขาดทุน 216 ล้านบาท และปี 2562 ขาดทุน 305 ล้านบาท
ภัยคุกคามใหม่จากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
ปัจจัยแห่งความท้าทายใหม่คือการที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเริ่มพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของตนเอง เช่น Shopee Xpress หรือ Lazada Logistics ที่กลายมาเป็นคู่แข่งในระยะยาว ทำให้ผู้ให้บริการส่งพัสดุด่วนต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาฐานลูกค้า
จากการสืบค้นข้อมูลผลประกอบ ผู้ให้บริการส่งพัสดุด่วนไทย ผ่าน Creden Data พบว่า บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด(Thailand Post) ที่มีประวัติมายาวนานตั้งแต่ปี 2426 ยังคงรักษาสถานะบริษัทไทยแท้ ด้วยจำนวนจุดบริการมากถึง 33,988 แห่ง ทำรายได้รวม 20,934 ล้านบาท และเป็นหนึ่งในไม่กี่รายที่ยังมีกำไรอยู่ที่ 78 ล้านบาท
Flash Express บริษัทไทยที่ถือกำเนิดในปี 2560 ขยายเครือข่ายได้ถึง 17,000 แห่ง สร้างรายได้ 20,093 ล้านบาทเทียบเท่ากับไปรษณีย์ไทย แต่ต้องแบกรับผลขาดทุน 559 ล้านบาท สะท้อนต้นทุนการดำเนินงานที่ยังสูง
J&T Express สัญชาติอินโดนีเซียที่เข้ามาตีตลาดไทยอย่างหนักตั้งแต่ปี 2558 มีจุดให้บริการมากถึง 26,000 แห่ง รายได้รวม 18,511 ล้านบาท แต่กลับขาดทุนสูงถึง 7,093 ล้านบาท ถือว่าขาดทุนหนักที่สุดในกลุ่ม
ในทางกลับกัน Lazada Express ของจีน กลับเป็นม้ามืดที่สามารถทำกำไรได้สูงสุดในกลุ่ม ด้วยรายได้ 16,738 ล้านบาท แต่โกยกำไรไปถึง 2,909 ล้านบาท แม้จะมีจุดให้บริการเพียงราว 2,000 แห่งเท่านั้น
SPX Express ของสิงคโปร์ที่มีจุดให้บริการประมาณ 900 แห่ง ทำรายได้ใกล้เคียง Lazada ที่ 16,607 ล้านบาท และสามารถปิดปีด้วยกำไรเล็กน้อยที่ 34 ล้านบาท
ส่วน KEX (ชื่อเดิม Kerry Express) ที่เคยเป็นผู้นำตลาดในช่วงก่อนหน้านี้ ปัจจุบันแม้จะมีจุดให้บริการมากที่สุดในตลาดถึง 37,337 แห่ง แต่กลับเผชิญผลขาดทุนถึง 3,880 ล้านบาท จากรายได้ที่ลดลงเหลือ 11,470 ล้านบาท
ไปรษณีย์ไทย (Thailand Post)
Flash Express
KEX หรือ (เดิม) Kerry Express
J&T Express
Lazada Express
SPX Express (Shopee Express )