นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ตลาดฟู้ดเดลิเวอรีในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคและการเปลี่ยนแปลงของการแข่งขันในตลาด ซึ่ง Grab มองว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่ต้องเผชิญ โดยฟู้ดเดลิเวอรีเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับความท้าทายตลอดเวลา โดยเฉพาะในการสร้าง “สมดุล” ในวงจรธุรกิจ ซึ่งมีทั้งลูกค้า คนขับ ผู้ประกอบการร้านอาหาร และแพลตฟอร์ม การบริหารธุรกิจให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกันถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่แพลตฟอร์มต้องปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
Grab ยืนยันว่าจะยืนหยัดเคียงข้างร้านค้า คนขับ และผู้ใช้บริการในช่วงเวลานี้ พร้อมกับตอกย้ำว่า กลยุทธ์ที่แกร็บปรับใช้ใน 2-3 ปีที่ผ่านมาเริ่มเห็นผลสำเร็จ โดย Grab เน้นการสร้างธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาสมดุลในวงจรธุรกิจ ซึ่งสะท้อนผ่านผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดย GrabFood เป็นผู้เล่นรายเดียวที่สามารถทำกำไรต่อเนื่องเป็นปีที่สอง และครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 46% ตามรายงานจาก Momentum Works ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยชั้นนำในภูมิภาค
Grab เริ่มจากการใช้กลยุทธ์เผาเงินด้วยการให้ส่วนลดเพื่อสร้างตลาด แต่ในปัจจุบันได้เปลี่ยนมาโฟกัสที่การพัฒนาคุณภาพการบริการและการสร้าง loyalty ผ่านแพ็กเกจสมาชิก GrabUnlimited พร้อมทั้งยังคงมีโปรโมชันและแคมเปญเพื่อกระตุ้นตลาด โดยย้ำว่าการเข้าใจความเคลื่อนไหวของตลาดและคู่แข่งเป็นพื้นฐานของการทำธุรกิจ แต่สิ่งที่สำคัญคือการรักษาวิสัยทัศน์และเป้าหมาย (Purpose) ที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้สามารถพัฒนาแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีที่ยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสให้กับผู้คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ต่อเนื่อง
ฟู้ดเดลิเวอรีไทยเข้าสู่การแข่งขัน Duopoly
นายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวว่าตลาดฟู้ดเดลิเวอรีไทย ภายหลังการถอนตัวของ foodpanda นั้น ทำให้อุตสาหกรรมฟู้ดเดลิเวอรีของไทยเข้าสู่การแข่งขันแบบ Duopoly อย่างชัดเจน โดยจากข้อมูลของ Redseer ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 LINEMAN ครองส่วนแบ่งตลาดจากจำนวนธุรกรรมที่ 44% ขณะที่ Foodpanda มีส่วนแบ่งประมาณ 5% แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในจำนวนผู้เล่น แต่โครงสร้างตลาดยังคงมีเสถียรภาพ และการแข่งขันยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงเดิม
สถานการณ์นี้มองว่าอาจเป็นจุดเปลี่ยนจาก ‘สงครามราคา’ สู่ ‘สงครามคุณภาพ’ โดยผู้เล่นที่เหลือสามารถจัดสมดุลระหว่างคุณภาพ บริการ และการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น เปิดโอกาสในการทำกำไรอย่างยั่งยืน และมีทรัพยากรเพียงพอในการลงทุนพัฒนาบริการใหม่
ในด้านของผู้บริโภคนั้นได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากมีตัวเลือกบริการเท่าเดิม โดยเฉพาะ LINEMAN ที่ให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศอยู่แล้ว ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนแพลตฟอร์มได้ทันที โดยไม่เสียโอกาสในการเข้าถึงร้านอาหารท้องถิ่น
หนึ่งในผลกระทบหลัก คือกลุ่มไรเดอร์และร้านค้าบางส่วนที่ต้องเปลี่ยนแพลตฟอร์ม LINE MAN Wongnai จึงเตรียมความพร้อมรองรับกลุ่มนี้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการสร้างรายได้และไม่เกิดภาวะว่างงานหรือธุรกิจสะดุดชั่วคราว”
LINE MAN Wongnai พร้อมเป็นแรงสนับสนุนให้ไรเดอร์-ร้านค้า เพื่อช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในตลาด โดยมีมาตรการดังนี้ ไรเดอร์: บริษัทฯ กำลังพิจารณาเปิดรับไรเดอร์เพิ่มเติมในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดที่ foodpanda มีให้บริการ เพื่อช่วยลดผลกระทบจากการว่างงาน
ส่วน ร้านค้า: ร้านค้าที่เคยขายผ่าน foodpanda สามารถเข้าร่วมขายบน LINE MAN ได้ทันทีที่ โดยบริษัทฯ จะนำเสนอเงื่อนไขพิเศษสำหรับร้านค้าใหม่ เพื่อให้สามารถปรับตัวและเริ่มขายต่อได้อย่างราบรื่น
LINEMAN กลายเป็นผู้เล่นหนึ่งเดียวในไทยที่ให้บริการครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ ได้พัฒนาฟีเจอร์เพื่อรองรับฐานผู้ใช้งานที่หลากหลายมากขึ้นในช่วงที่ตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่พำนักในไทย ทำให้สามารถเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มใหม่ได้อย่างราบรื่น LINEMAN ได้เปิดตัวฟีเจอร์แปลภาษาอัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยระบบจะแปลข้อความทั้งหมดในแอปเป็นภาษาอังกฤษ ตั้งแต่การเลือกร้านอาหาร ชื่อเมนูและรายละเอียดอาหาร ไปจนถึงข้อความในแชทที่ให้พูดคุยกับไรเดอร์ง่ายขึ้น โดยลูกค้าสามารถพิมพ์ภาษาอังกฤษ และระบบจะแปลภาษาอัตโนมัติ อีกทั้งยังใช้สติกเกอร์ภาษาอังกฤษจาก LINEMAN ที่ช่วยให้สื่อสารกับไรเดอร์ได้อย่างง่ายดาย ไม่จำเป็นต้องพิมพ์ประโยคยาวๆ ให้ลูกค้าต่างชาติสั่งอาหารร้านท้องถิ่นใกล้ที่พักหรือสตรีทฟู้ดชื่อดังใน 77 จังหวัดทั่วไทย