ผู้สื่อข่าวรายงานว่า foodpanda Thailand ได้แจ้งยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน foodpanda มีผลตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. 2568 โดยระบุว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ขับเคลื่อนธุรกิจร่วมจัดส่งความสุข ผ่านทุกๆ ออเดอร์ให้แก่ลูกค้าทุกท่านในประเทศไทย เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับใช้ลูกค้าที่รักยิ่งของเรา และได้รับการสนับสนุนที่ดีมาโดยตลอดจากร้านค้า พารท์เนอร์ และไรเดอร์ทุกท่าน ที่ร่วมเป็นผู้ขับเคลื่อนความสำเร็จที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาพตลาดในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาวของ foodpanda อีกต่อไป
เรามีความเสียใจอย่างยิ่งที่การเดินทางของเราต้องสิ้นสุดลง และเราขอขอบพระคุณลูกค้าทุกๆ ท่านที่เชื่อมั่นใน foodpanda เสมอมา
การตัดสินใจครั้งนี้สอดคล้องกับแนวทางการปรับกลยุทธ์เชิงภูมิศาสตร์ของเดลิเวอรี่ ฮีโร่ ซึ่งเคยดำเนินการมาแล้วในหลายประเทศ เช่น เดนมาร์ก กานา สโลวาเกีย และสโลวีเนีย โดยบริษัทจะมุ่งเน้นทรัพยากรไปยังตลาดอื่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ที่มีศักยภาพในการเติบโตและผลตอบแทนที่สูงกว่า
ทั้งนี้ ทีมงานระดับภูมิภาคที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ซึ่งรับผิดชอบงานสนับสนุนด้านต่าง ๆ เช่น การตลาด และการบริหารทรัพยากรบุคคลสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะยังคงดำเนินงานตามปกติต่อไป
เดลิเวอรี่ ฮีโร่ ขอขอบคุณพนักงาน ลูกค้า พาร์ทเนอร์ และไรเดอร์ในประเทศไทยทุกคุณที่ร่วมเดินทางด้วยกันมา และยืนยันความมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนทุกภาคส่วนในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้รายงาน LINEMAN Wongnai กำลังพิจารณาเข้าซื้อกิจการ foodpanda จากบริษัท เดลิเวอรี่ ฮีโร่ (SE) จำกัด ในประเทศไทย ในข้อตกลงมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์หรือราว 3,480 ล้านบาท ณ จุดหนึ่ง โดยมูลค่ามีแนวโน้มเปลี่ยนไปตามการเสื่อมถอยของตลาดในวงกว้าง มูลค่าของบริษัทอาจมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตามดีลดังกล่าวไม่เกิดขึ้นจนเป็นเหตุให้ บริษัท เดลิเวอรี่ ฮีโร่ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศยุติบริการ foodpanda ในไทย
ทั้งนี้จากการตรวจสอบผลประกอบการของ บริษัท เดลิเวอรี่ ฮีโร่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแอปฟู้ดเดลิเวอรีชื่อดัง “foodpanda” ผ่าน Creden Data พบว่ามีผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี ( ปี 2562-2566) ขาดทุนทุกปี รวมขาดทุนสะสม 5 ปี (2562–2566) ประมาณ 13,359 ล้านบาท
โดยในปี 2562 เดลิเวอรี่ ฮีโร่ มีรายได้รวม 818 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิสูงถึง 1,264 ล้านบาท สะท้อนต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่สูงเกินรายได้อย่างมาก
ปี 2563 รายได้พุ่งขึ้นเป็น 4,375 ล้านบาท จากการขยายตลาดและบริการช่วงโควิด-19 แต่กลับขาดทุนมากขึ้นเป็น 3,595 ล้านบาท จากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มตาม
ปี 2564 ถือเป็นปีทองของรายได้ ที่แตะระดับ 6,786 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี แต่ในขณะเดียวกันกลับเป็นปีที่ขาดทุนมากที่สุดเช่นกันที่ 4,721 ล้านบาท
ในปี 2565 รายได้เริ่มลดลงเหลือ 3,628 ล้านบาท ขาดทุนลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3,255 ล้านบาท จากการเริ่มควบคุมต้นทุนและลดค่าใช้จ่ายบางส่วน
ปี 2566 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ รายได้อยู่ที่ 3,843 ล้านบาท แม้ไม่สูงเท่าปี 2564 แต่ขาดทุนสุทธิลดลงอย่างชัดเจือจาง เหลือเพียง 522 ล้านบาท ซึ่งต่ำสุดในรอบ 5 ปี สะท้อนถึงความพยายามฟื้นตัวทางการเงินและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ยอดขาดทุนบริษัท เดลิเวอรี่ ฮีโร่ (ประเทศไทย) จำกัด
ปี 2562: ขาดทุน 1,264 ล้านบาท
ปี 2563: ขาดทุน 3,596 ล้านบาท
ปี 2564: ขาดทุน 4,722 ล้านบาท
ปี 2565: ขาดทุน 3,255 ล้านบาท
ปี 2566: ขาดทุน 522 ล้านบาท