หมดยุคสัมปทานไทยคม กสทช.เปิดเสรีธุรกิจดาวเทียม

แม้สิ้นสุดสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ก้าวเข้าสู่ระบบใบอนุญาตไปแล้ว เหลือก็แต่เพียงธุรกิจดาวเทียมเท่านั้นที่ บริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) กำลังหมดสัมปทานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ในวันที่ 11 กันยายน 2564

ดังนั้นช่วงเวลานี้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติกำลังจัดแผนโรดแมปกับการเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านสัมปทานดาวเทียมเข้าสู่ระบบใบอนุญาต

อย่างไรก็ตาม “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการ กสทช. ดังรายละเอียดต่อไปนี้

พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ

ทำไมถึงรีบทำแผน

สำนักงาน กสทช.ต้อง เตรียมความพร้อม เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 60 บัญญัติให้รัฐต้องรักษาไว้ซึ่งคลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติ ได้มีการแก้กฎหมายให้ กสทช.ดำเนินการตามมาตรา 60 ในนามของรัฐ ทำให้กสทช.ต้องทำหน้าที่ดังกล่าวตามกฎหมาย ได้มีการยกร่างแผนบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมขึ้น ต้องยื่นเรื่องการรักษาวงโคจรดาวเทียมไปยังสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) ซึ่งวงโคจรดาวเทียมที่ได้ยื่นขอใช้ไปยังไอทียูนั้น มีระยะเวลาการจองเป็นเวลา 7 ปี หากมีการใช้งานก็จะใช้งานไปจนสิ้นสุดระยะเวลาการอนุญาต แต่หากไม่มีการใช้งานก็ต้องจองการใช้งานทุกๆ 7 ปี

ร่างประกาศพร้อม

สำนักงาน กสทช.ทำตามรัฐธรรมนูญ และบอร์ดได้มีมติเห็นชอบในหลักการต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. ที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียม จำนวน 3 ฉบับ ซึ่งประกอบด้วย (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง แผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม และ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติในการให้บริการในประเทศ และเห็นชอบแนวทางการจัดรับฟังความคิดเห็น ตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553

เพื่อเปลี่ยนผ่านระบบสัมปทานดาวเทียมไปยังระบบใบอนุญาต เหตุผลที่ต้องดำเนิน การไฟลิ่งสิทธิในการใช้วงโคจรดาวเทียม เพื่อรักษาตำแหน่งวงโคจร ด้วยการออกแผน การบริหารสิทธิในการใช้วงโคจรดาวเทียม เพราะหลังจากสิ้นสุดสัมปทานเปลี่ยนเป็นระบบใบอนุญาตเท่ากับว่าเป็นการเปิดเสรี

ทรัพย์สินเป็นของใคร

ทรัพย์สินทั้งหมดของไทยคม ต้องส่งมอบให้กับกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ไปบริหารจัดการ ขณะที่ กสทช.ทำหน้าที่ถือสิทธิเข้าใช้วงโคจร หรือไฟลิ่ง โดยแนวทางการบริหารจัดการ ทำในลักษณะ พ.ร.บ. การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) ตามแผนการใช้สิทธิดาวเทียม หรือ ที่เรียกว่าเอกสารข่ายงานดาว เทียม (Satellite Network Filing)

ดาวเทียมดวงไหนต้องไฟลิ่ง

ไฟลิ่งที่อยู่ใต้สัญญาสัมปทานกระทรวงดีอีเอส คือ ดาวเทียม 4, 5, 6 รวมถึงดวงที่ 7 และ 8 ที่อยู่ในขั้นอนุญาโต ตุลาการ รวมทั้งสิ้นจำนวน 11 ไฟลิ่ง ประกอบด้วย วงโคจร 78.5 องศา สำหรับใช้งานดาวเทียม ดวงที่ 5, 6 และ 8 จำนวน 6 ไฟลิ่ง, วงโคจร 119.5 องศา ตะวันออก สำหรับดาวเทียม 4 จำนวน 2 ไฟลิ่ง และวงโคจร 120 องศาตะวันออก จำนวน 3 ไฟลิ่ง

เสร็จรอบอร์ดอนุมัติ

วันที่ 21 ตุลาคม กสทช.เปิดให้ประชาพิจารณ์ หลังจากนั้นเสนอให้คณะกรรมการ กสทช.อนุมัติ คาดว่าโรดแมปจะสิ้นสุดภายในสิ้นปี 2562

เอกชนมีใครสนใจ

ไทยคม มีความประสงค์บริหารจัดการธุรกิจดาวเทียมต่อเนื่อง นอกจากไทยคม เหตุผลที่ ไทยคม สนใจเพราะดาวเทียมที่ ให้บริการบรอดแบนด์ยังมีอนาคต นอกจากไทยคมแล้วยังมี บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม แบบที่ 3 สำหรับให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมเพื่อให้เช่าใช้ และเพื่อให้บริการโทรคมนาคม (Network Provider and Service Provider) ประเภทโครงข่ายคลื่นความถี่ (Wireless Network) ได้แก่ โครงข่ายการสื่อสารผ่านดาวเทียม จาก กสทช. ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2560 วันที่สิ้นสุดใบอนุญาต วันที่ 17 ตุลาคม 2575 มีความสนใจในกิจการดาวเทียมเพราะมาร่วมโฟกัสกรุ๊ปอย่างต่อเนื่อง

เริ่มต้นนับหนึ่ง

ใช่ๆ เพราะสัมปทานดาวเทียมหมดอายุแล้วถือว่าเป็นการสิ้นสุด และเริ่มต้นนับหนึ่งการให้ใบอนุญาต และเป็น
การเปิดเสรีกิจการดาวเทียมอย่างเต็มรูปแบบ

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,515 วันที่ 20-23 ตุลาคม 2562