ถึงคิว‘บุญเติม’ พ้นเซเว่นตาม‘วัน-ทู-คอล’

03 ก.พ. 2560 | 07:05 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนแรงเมื่อ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีแผนติดตั้งตู้เติมเงินภายใต้ชื่อ “ตู้เติม ทรู” หลังจากจัดงานสัมมนาพันธมิตรคู่ค้า "Together Stronger ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เกิดจากใจที่ร่วมกัน"

หากแต่การจัดสัมมนาครั้งนั้น “ทรู” ได้นำตู้เติมเงินมาโชว์ให้กับเหล่าบรรดาพันธมิตรพร้อมทั้งเปิดให้จอง ซึ่งปรากฏว่ามีคู่ค้าจองไปแล้วจำนวน1,000 ตู้ และนำร่องติดตั้งร้านกาแฟมวลชนไปบ้างแล้วพร้อมกับวางเป้าติดตั้งตู้ให้ได้ จำนวน 4 หมื่นตู้

แต่ทว่าหลัง “ทรู” ประกาศติดตั้งตู้เติมเงินราคาหุ้นของ บริษัท ฟอร์ทสมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART ผู้ให้บริการตู้เติมเงินภายใต้ชื่อ “บุญเติม” ราคาร่วงจากระดับ 22บาทมาอยู่ที่เกือบหลุด 18.00 บาท สะท้อนให้เห็นถึงแรงกระเพื่อมกันเลยทีเดียว

  ย้อนรอย

ปรากฏการณ์การสกัดคู่แข่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ในเครือบริษัท ซีพี ออล์ จำกัด (มหาชน) ได้ยกเลิกการจัดจำหน่ายสลิปและบัตรเติมเงิน วัน-ทู-คอล ของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอสมีผู้ใช้ระบบเติมเงินถึง 33.5 ล้านเลขหมาย

สาเหตุที่ยกเลิกเนื่องมาจากขอปรับขึ้นค่าผลตอบแทนในการขายจาก 5% เป็น 7% จนในที่สุด เอไอเอส ไม่ยอม แม้ 7-11 ยกเลิกการขายครั้งนั้น ทางฝั่ง เอไอเอสออกมาชี้แจงว่ามีตู้เติมเงินถึง 5 แสนแห่ง (ดูตารางประกอบ)

แม้นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่ 7-11 ยกเลิกการจำหน่ายสลิปและบัตรเติมเงินวัน-ทู-คอลของเอไอเอส นั้นไม่ได้อยู่ในขอบเขตการดูแลของกลุ่มทรู ซึ่งบริษัทไม่ทราบถึงการเจรจาระหว่าง 7-11 กับคู่ค้าแต่อย่างใด

หากแต่สิ่งที่ “ศุภชัย” ออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งนั้นว่ากลุ่มทรู ไม่เกี่ยวข้อง แต่หลายคนก็ไม่มีใครเชื่อเพราะ ซีพีออลล์ และ กลุ่มทรู มีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ ซีพี (เจริญโภคภัณฑ์)

นอกจากนี้แล้ว เมื่อ 7-11 เลิกขายสลิปและบัตรเติมเงินทำให้ “ตู้เติมเงินบุญเติม” มียอดเติมเงินเพิ่มขึ้น 20% โดยสิ้นปี 2560 บริษัท ฟอร์ทสมาร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMARTประมาณการว่ามียอดเติมเงินถึง 2 หมื่นล้านบาทผลพวงมาจากยอดเติมเงินของ เอไอเอส ที่เพิ่มมากขึ้น

 ถึงคิว “บุญเติม”

อย่างไรก็ตามหลังจาก 7-11 เลิกขายสลิปและบัตรเติมเงินวัน-ทู-คอล ไปแล้ว ปรากฏว่ากลุ่มทรู มีนโยบายที่จะติดตั้ง “ตู้เติมเงินทรู” แต่มีข้อจำกัด คือ เติมได้เฉพาะผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินของ “ทรูมูฟเอช” เท่านั้น และได้นำร่องติดตั้งไปแล้วร้านกาแฟมวลชน และ 7-11 บางสาขา

แม้นายสมชัย สูงสว่าง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์สมาร์ท จำกัด (มหาชน) ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีผลกระทบ เพราะปัจจุบัน ตู้บุญเติม มีจำนวนตู้ทั้งสิ้น 9หมื่นตู้ทั่วประเทศ แบ่งเป็นติดตั้งหน้าร้าน7-11 จำนวน 8,000 ตู้ รูปแบบสัญญา คือ ปีต่อปี

“ทรู มองบริษัทฯเป็นพันธมิตรที่แข็งแรง เพราะ แต่ละปีบริษัทฯได้เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วน ทรู ที่ทำตู้เติมเงินได้มีโอกาสพูดคุยกัน”

เหตุผลที่ ทรู ต้องเบนเข็มให้บริการตู้เติมเงินนั้น สมชัย บอกว่า เป็นเพราะหลัง ทรู ได้ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ ได้หว่านเม็ดเงินโฆษณาไปที่ ณเดชน์คูกิมิยะ เพื่อสื่อสารเรื่องเทคโนโลยี LTE (LongTerm Evolution เทคโนโลยีการส่งข้อมูลที่ให้ความเร็วเหนือกว่า 3จีในปัจจุบันถึง 10 เท่า) แต่ปรากฏว่ามีการสื่อสารที่คาดเคลื่อน ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ดังนั้น ทรู จึงเปลี่ยนช่องทางการจัดจำหน่ายระบบเติมเงินเพื่อให้บริการคบวงจร จึงเกิดโปรเจ็กต์ ตู้เติมเงินขึ้น

“ทรู จะไปติดตั้งตู้ในเครือข่ายที่ ตู้บุญเติม ไม่มี ส่วนผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ คือบริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด ส่วนด้านโอเปอเรชันนั้นใช้ เอาต์ซอร์ส จากบริษัทภายนอก ส่วนระบบการจัดเก็บเงินยังไม่ทราบจัดเก็บอย่างไร” นายสมชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม ตู้บุญเติม ตั้งเป้าหมายติดตั้งภายใน 3 ปีมีทั้งหมด 1.7 แสนตู้ แบ่งเป็น ปี 2560 จำนวน 1.2 แสนตู้ มูลค่าเติมเงิน 3 หมื่นล้านบาท,ปี 2561 จำนวน 1.45 แสนตู้มูลค่าเติมเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท และ ปี 2560 อยู่ที่ 1.7แสนตู้ โดยรูปแบบธุรกิจ คือ ตู้เติมเงิน,แอพพลิเคชั่น Be Wallet, ตู้ขายน้ำกระป๋อง และ ยังเตรียมเปิดให้จองตั๋วคอนเสิร์ต และเครื่องชาร์จแบตมือถือ

ต้องจับตาดูว่า “ตู้บุญเติม” ที่ติดตั้งอยู่หน้าร้าน 7-11 จำนวน 8,000 ตู้นั้นจะอยู่ต่อหรือไม่ เพราะขนาด วัน-ทู-คอล ที่มีลูกค้าเติมเงินมากสุดใน 7-11 ยังเลิกขายได้เลย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,232 วันที่ 2 - 4 กุมภาพันธ์ 2560