เจ.ไอ.บี.สร้างแบรนด์ร้านเน็ต แตกบริษัทขายแฟรนไชส์ /ตั้งเป้าปีหน้า 50-100 แห่ง

19 ธ.ค. 2559 | 11:00 น.
เจ.ไอ.บี. วางแผนยกระดับ “เน็ตคาเฟ่” เล็งตั้งบริษัทสร้างแบรนด์รับมือต่างชาติ -ล้างภาพแหล่งมั่วสุม พร้อมเปิดขายแฟรนไชส์ปี 60 วางเป้าปีหน้า 50-100 แห่ง ล่าสุดทุ่ม 20 ล้านเปิด “ไมน์ คาเฟ่” สาขา 2 ม.รังสิต ชูคอนเซ็ปต์ เครื่องสเปก-เน็ตแรง เจาะกลุ่มไฮเอนด์

นายสมยศ เชาวลิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.ไอ.บี. คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่าธุรกิจร้านอินเตอร์เน็ตของไทยขณะนี้เเปิดขึ้นมา และแข่งขันกันให้บริการ อย่างไรก็ตามไม่มีร้านอินเตอร์เน็ต รายใด ที่มีการลงทุนสร้างแบรนด์จริงจัง ท้ายสุดเมื่อต่างชาติเข้ามาลงทุนไม่สามารถแข่งขันได้ บริษัทจึงมีแผนตั้งบริษัทขึ้นมาทำแบรนด์ดิ้งร้านอินเตอร์เน็ตโดยเฉพาะ โดยต้องการยกระดับร้านอินเตอร์เน็ตจากแหล่งมั่วสุม ในสายตาผู้ปกครอง เป็นร้านอินเตอร์เน็ต ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย สะอาด และปลอดภัย

ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดให้ผู้สนใจทุกจังหวัดเข้ามาเป็นแฟรนไชส์ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ภายใต้แบรนด์ใหม่ ได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ส่วนจะใช้ชื่อแบรนด์ใดนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาชื่อของบริษัทใหม่ โดยอาจใช้ชื่อ “ไมน์ คาเฟ่ (Mine Cafe)” ร้านอินเตอร์เน็ตต้นแบบที่เจ.ไอ.บี. เป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด หรือ ไมน์เพลย์ หรือ ชื่ออื่นๆ ส่วนเงื่อนไขการลงทุนนั้นร้านอินเตอร์เน็ตทั้งหมด จะค้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข และการควบคุมคุณภาพของบริษัทใหม่ ตั้งแต่การพิจารณาทำเล การตกแต่ง การควบคุมความสะอาด และบรรยากาศในร้าน ตลอดจนเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่บริษัทใหม่เป็นผู้จัดหา และ เป็นผู้ดูแลระบบ ออโตอัพเดตซอฟต์แวร์ ระบบบิลลิ่ง ซึ่งผู้ประกอบการอาจเสียค่าใช้จ่ายเดือนละ 300-400 บาท แต่ไม่ต้องจ่ายคาแฟรนไชส์ , ค่าฟรีรายเดือน หรือส่วนแบ่งรายได้ให้บริษัท

ทั้งนี้รูปแบบการลงทุนนั้นมีหลากหลาย โดยสามารถเลือกลงทุนแฟรนไชส์เองทั้งหมด โดยประมาณการลงทุนค่าเครื่อง อุปกรณ์ รวมค่าตกแต่งอยู่ที่ 4 หมื่นบาทต่อเครื่อง ซึ่งปริมาณเครื่องที่เหมาะสมกับธุรกิจร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่อยู่ที่ 40 เครื่องต่อ 1 ร้าน นอกจากนี้ยังเปิดกว้างรูปแบบร่วมลงทุนสัดส่วน 50:50 หรือ เลือกผ่อนจ่ายค่าเครื่องนาน 18 เดือน หรือ ให้บริษัทเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดแล้วเข้ามาทำหน้าที่บริหาร โดยรับค่าตอบแทนจากการจัดการบริหาร

และเพื่อเป็นการรับประกันว่าผู้ลงทุนจะสามารถคืนกำไรภายใน 2 ปี บริษัทใหม่ดังกล่าวจะเข้ามาจัดการบริหารการเงิน โดยรายได้ที่เข้ามาของร้านอินเตอร์เน็ตทุกร้านจะโอนเข้ามายังส่วนกลางทุกวัน และเมื่อครบ 1 เดือนบริษัทใหม่จะโอนเงินกลับคืนไปยังผู้ประกอบการร้านอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้เพื่อป้องกันผู้ประกอบการร้านอินเตอร์เน็ตที่ส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี นำรายได้มาใช้จ่ายรายวัน ซึ่งท้ายสุดธุรกิจไม่มีกำไร

“ร้านอินเตอร์เน็ตภายใต้แบรนด์ดังกล่าวจะต่างจาก “ไมน์ คาเฟ่” ซึ่ง เจ.ไอ.บี. ลงทุนสร้างเป็นต้นแบบขึ้นมา เนื่องจากการลงทุนสูง และบริษัทสร้างขึ้นมาเพื่อต้องการสร้างแบรนด์เจ.ไอ.บี ไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยร้านอินเตอร์เน็ตภายใต้แฟรนไชส์ แบรนด์ใหม่ จะมุ่งเน้นทำกำไร และคุ้มทุนเร็วใน 2 ปี ซึ่งไม่จำเป็นต้องลงทุนเทคโนโลยี หรือ อินเตอร์เน็ต แรงสุด เหมือนไมน์ค่าเฟ่ ”

นายสมยศ กล่าวต่อไปอีกว่า ส่วนการขยายร้านอินเตอร์เน็ตภายใต้ชื่อร้านไมน์คาเฟ่ บาย เจ.ไอ.บี. นั้น ยังขยายต่อเนื่อง แต่จะเน้นเจาะกลุ่มบนเป็นหลัก โดยปี 2560 จะเปิดเพิ่มอีก 3 แห่ง โดยใช้เงินลงทุน ราว 30 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทได้ลงทุน 20 ล้านบาท เปิดไมน์ คาเฟ่ สาขาที่ 2 มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเป็นร้านอินเตอร์เน็ตที่มีคอมพิวเตอร์สเปกเครื่องแรงสุด โดยใช้คอมพิวเตอร์หน่วยประมวลผลอินเทล คอร์ไอ 7 การ์ดจอ หรือ วีจีเอการ์ด GTX 1080 ที่มีความเร็วสูงสุด พร้อมหน้าจอมิเตอร์แบบโค้ง ขนาด 32-34 นิ้ว และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงสุด 1,000 เมกะบิตโดยคาดว่าสาขาดังกล่าวจะสามารถคุ้มทุนได้ภายใน 5 ปี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,219 วันที่ 18-21 ธันวาคม 2559