KEY
POINTS
นักลงทุนทั่วโลกกำลังปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน โดยมองหาบริษัทที่สามารถสร้างสมดุลระหว่างการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลกับการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์
ผลสำรวจล่าสุดจาก PwC จากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 1,074 คนใน 26 ประเทศทั่วโลก เผยให้เห็นภาพชัดเจนว่า นักลงทุนไม่ได้หวังพึ่งพาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมหภาคอีกต่อไป โดยน้อยกว่า 1 ใน 3 คาดว่า GDP โลกจะเติบโตเกิน 2% ในปีหน้า
AI ยังคงเป็นดาวเด่น แม้มีข่าวลือ“ฟองสบู่”
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะมีการกังวลเรื่อง “AI Bubble” แต่นักลงทุนกลับยังคงมั่นใจในศักยภาพของเทคโนโลยี โดย 61% ระบุว่าภาคเทคโนโลยีจะดึงดูดเงินลงทุนมากที่สุดในช่วง 3 ปีข้างหน้า เหนือทุกภาคธุรกิจ ความมั่นใจดังกล่าวมาจากผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน การสำรวจพบว่า 86% ของนักลงทุนเห็นว่า
บริษัทที่ลงทุนได้รับผลตอบแทนด้านประสิทธิภาพการทำงานจาก Generative AI แล้ว ขณะที่ 71% เห็นการปรับปรุงผลกำไร และ 66% พบว่ารายได้เพิ่มขึ้นจากการนำ AI มาใช้ ผลที่ตามมาคือ 78% ของนักลงทุนพร้อมเพิ่มการลงทุนในบริษัทที่กำลังปรับใช้ AI ทั่วทั้งองค์กร โดยเฉพาะบริษัทที่สามารถแสดงให้เห็นว่า AI ช่วยลดต้นทุน (64%) เพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน (54%) และสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ (42%)
ความเสี่ยงไซเบอร์-ภูมิรัฐศาสตร์ กังวลสูงสุด
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ได้มองแค่โอกาสเติบโต พวกเขายังใส่ใจกับความเสี่ยงอย่างจริงจัง การสำรวจพบว่า 55% มองว่าบริษัทที่ลงทุนมีความเสี่ยงทางไซเบอร์ในระดับสูงถึงสูงมาก ตามมาด้วยความเสี่ยงจากการหยุดชะงักทางเทคโนโลยี (53%) เงินเฟ้อ (44%) และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (42%) ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจึงเรียกร้องให้บริษัทเพิ่มการลงทุนในการปรับเปลี่ยนทางเทคโนโลยี (92%) ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (88%) และความคล่องตัวของโมเดลธุรกิจ (73%) พร้อมกัน
ธุรกิจข้ามอุตสาหกรรมได้เปรียบ
อีกแนวโน้มสำคัญคือการขยายธุรกิจข้ามขอบเขตอุตสาหกรรม กว่า 70% ของนักลงทุนเชื่อว่าบริษัทที่แข่งขันข้ามอุตสาหกรรมจะเติบโตเร็วกว่า และพวกเขาพร้อมลงทุนเกือบสองเท่าในบริษัทประเภทนี้เมื่อเทียบกับบริษัทที่จำกัดตัวอยู่ในอุตสาหกรรมเดียว นอกจากนี้ 8 ใน 10 คาดว่าบริษัทจะเพิ่มการลงทุนใน R&D และการลงทุนด้านทุน ขณะที่กว่า 75% คาดการณ์ว่าการควบรวมกิจการ (M&A) และพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะเพิ่มขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า
สหรัฐฯ ยังครองแชมป์จุดหมายการลงทุน
เมื่อพูดถึงภูมิศาสตร์การลงทุน สหรัฐอเมริกายังคงเป็นจุดหมายหลักด้วย 67% ของนักลงทุนเลือกลงทุนที่นี่ ตามมาด้วยอินเดีย (45%) จีนแผ่นดินใหญ่ (32%) สหราชอาณาจักร (26%) และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (26%)
ความยั่งยืนยังสำคัญ แม้มีแรงกดดันทางการเมือง
แม้จะมีกระแสต่อต้านจากวงการการเมืองในบางประเทศ แต่ 84% ของนักลงทุนทั่วโลกยังเชื่อว่าบริษัทควรรักษาหรือเพิ่มการลงทุนด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย 67% พร้อมเพิ่มการลงทุนในบริษัทที่จัดการความต้องการพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน 61% สนับสนุนบริษัทที่ใช้ข้อมูลความยั่งยืนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และ 53% ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศ
อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างตามภูมิภาค โดยนักลงทุนในยุโรปให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากที่สุด (65% ต้องการให้เพิ่มการลงทุน) ขณะที่นักลงทุนในเอเชีย-แปซิฟิกเน้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบมากกว่า (74%)
ช่องว่างการเปิดเผยข้อมูล AI ที่ต้องแก้ไข
แม้ AI จะเป็นดาราดวงใหม่ แต่นักลงทุนยังไม่พอใจกับการเปิดเผยข้อมูล มีเพียง 37% เท่านั้นที่บอกว่าบริษัทเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์ AI “อย่างสมบูรณ์” หรือ “ในระดับมาก” นักลงทุนต้องการข้อมูลเพิ่มเติมในหลายด้าน โดยเฉพาะกลยุทธ์นวัตกรรม (47%) การลงทุน AI (42%) ผลตอบแทนและการประหยัดต้นทุนจาก AI (42%) และตำแหน่งการแข่งขัน (37%)
ข้อเสนอผู้บริหารองค์กร
PwC แนะนำให้บริษัทดำเนินการ 5 ประการเพื่อตอบสนองความคาดหวังของนักลงทุน 1.สร้างตัวชี้วัดผลลัพธ์ AI ที่ชัดเจน - เชื่อมโยงกับประสิทธิภาพการผลิต ต้นทุนต่อหน่วย เวลาในการทำงาน และการเพิ่มรายได้ พร้อมเปิดเผยการกำกับดูแลและมาตรการรักษาความปลอดภัย 2.จัดทำแผนการจัดสรรเงินทุนระยะยาว - ที่เชื่อมโยง R&D การลงทุน พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และ M&A เข้ากับเป้าหมายการเติบโตและประสิทธิภาพที่วัดผลได้
3.ฝังความยั่งยืนเข้าไปในโมเดลการดำเนินงาน - โดยวัดผลประหยัดพลังงาน ผลผลิต และความน่าเชื่อถือ แล้วเชื่อมโยงกับต้นทุนเงินทุนและความยืดหยุ่นของอัตรากำไร 4.เพิ่มการมีส่วนร่วมกับนักลงทุน - จัดการสื่อสารเป็นประจำ ตอบคำถามอย่างโปร่งใส และนำเสนอตัวชี้วัดที่ไม่ใช่ทางการเงินพร้อมการรับรองจากภายนอกเมื่อเป็นไปได้
และ 5.เปิดเผยกลไกการกำกับดูแล AI - รวมถึงการตรวจสอบโมเดล การควบคุมความเสี่ยง แนวปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย และกระบวนการจัดการเมื่อมีการขยายขนาด