zero-carbon

“เชียงคาน”เร่งสายไฟลงดิน สร้างลุคใหม่ ดันรายได้ท่องเที่ยวปีละกว่า 500 ล้าน

“เลย” ชู จุฬาฯโมเดล นำสายไฟลงดินทั้งระบบ ยกระดับ “เชียงคาน”เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศ เล็งดึงนักท่องเที่ยวไทย-เทศ ปีละไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 500 ล้านบาทต่อปี คงเอกลักษณ์บ้านไม้เก่าแก่ให้มีความสวยงามและยั่งยืน

นายคมกฤษ  ศิริยุทธแสนยากร โยธาธิการและผังเมือง จังหวัดเลย เผยว่า  ตามที่จังหวัดเลย มีนโยบายให้ปรับปรุงและพัฒนาการท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเชียงคาน ที่เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ของจังหวัดให้คงเอกลักษณ์บ้านไม้ของประชาชนที่มีอายุกว่า 100 ปี พร้อมพัฒนาควบคู่ในทุกมิติ เพื่อคงความยั่งยืนไปพร้อมกัน และพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ได้นำรูปแบบ โครงการ “จุฬา Smart Street Low Carbon” ที่สยามสแควร์ เป็นต้นแบบในการพัฒนา และนำสายไฟฟ้าลงดิน เพื่อทำให้ทัศนียภาพของเชียงคานให้มีความสวยงาม สร้างคุณค่าอาคารบ้านเรือนเก่าให้ดูเด่นเป็นสง่า โดยนำสายไฟฟ้า สายสื่อสาร และระบบประปาลงดินทั้งระบบ  

“เชียงคาน”เร่งสายไฟลงดิน สร้างลุคใหม่ ดันรายได้ท่องเที่ยวปีละกว่า 500 ล้าน

นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มจุดท่องเที่ยวโดยหม้อแปลงไฟฟ้าใต้ดิน (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โมเดล) ในพื้นที่ได้สร้างฝาบ่อเป็นกระจก ทำให้เห็นถึงระบบการทำงาน ของระบบไฟฟ้าที่มีความมั่นคงและปลอดภัยจากอัคคีภัย

ทั้งนี้จากแผนพัฒนาเชียงคานในทิศทางดังกล่าว  นายศุภชัย  เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และนายประพันธ์  สีนวล รองผู้ว่าการ กฟภ.ฝ่ายวิศวกรรม ได้ส่งทีมงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มาช่วยเหลือและแนะนำในการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าลงใต้ดินในพื้นที่เชียงคาน ให้มีทันสมัย และช่วยให้ถนนคนเดินของเชียงคานที่เป็นบ้านไม้เก่าแก่ ให้มีชีวิตชีวาและสวยงามเพิ่มขึ้น  จากไม่มีสายไฟฟ้ารกรุงรัง บดบังบ้านหรือหน้าร้าน

“เชียงคาน”เร่งสายไฟลงดิน สร้างลุคใหม่ ดันรายได้ท่องเที่ยวปีละกว่า 500 ล้าน

“การดำเนินการดังกล่าว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวเยี่ยมชมเชียงคานที่เป็นเมืองวัฒนธรรมริมโขง ทำให้หมู่บ้านของเชียงคานที่มีอายุกว่า 100 ปี สู่สังคมคาร์บอนต่ำ และเพิ่มศักยภาพให้เชียงคานเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศ  และสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาตลอดทั้งปีไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน  สร้างรายได้เข้าจังหวัดปีละไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

“เชียงคาน”เร่งสายไฟลงดิน สร้างลุคใหม่ ดันรายได้ท่องเที่ยวปีละกว่า 500 ล้าน

ทั้งนี้ขอขอบคุณนายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการ กฟภ. และนายประพันธ์  สีนวล รองผู้ว่าการวิศวกรรม ที่ได้ส่งทีมงานของการไฟฟ้าภูมิภาค มาให้คำแนะนำการนำสายไฟลงดินทั้งระบบ ซึ่งเป็นประโยชน์ และมีความสำคัญต่อการพัฒนา การท่องเที่ยวของอำเภอเชียงคานให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศ และมีจุดเช็คอินให้นักท่องเที่ยวชมหม้อแปลงใต้ดิน Low Carbon เหมือนที่สยามสแควร์

สำหรับการนำสายไฟฟ้าลงดินของเชียงคานในครั้งนี้จะใช้หม้อแปลงขนาด 1000 KVA 24 KV จำนวน 1ตัว และขนาด 500 KVA อีก 1 ตัว ซึ่งจากการติดตั้งหม้อแปลงใต้ดินที่สยามสแควร์ ขนาด1000 KVA 24 KV สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ถึงเดือนละ 100,000-150,000 บาท ขึ้นอยู่กับแรงดันไฟฟ้าว่าจะมีมากน้อยเพียงใด และสามารถลดคาร์บอนได้ 3,904,011 Kgco2  พร้อมค่าเสียโอกาสเชิงคาร์บอน(การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก) จำนวน 624,642 บาท หรือ ซึ่งปัจจุบันนี้สามารถนำไปซื้อขายในรูปคาร์บอนเครดิตได้แล้ว

“เชียงคาน”เร่งสายไฟลงดิน สร้างลุคใหม่ ดันรายได้ท่องเที่ยวปีละกว่า 500 ล้าน

ด้าน นายสมเจตน์ แสงเจริญรัตน์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย กล่าวว่า ปัจจุบันการท่องเที่ยวของอำเภอเชียงคานเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้มีสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย หากมีการควบคุมดูแลไม่เป็นระบบ จะส่งผลกระทบตามมาในระยะยาว เช่นทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวจะเสื่อมโทรมเร็วและอาจไม่สามารถฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้ วิถีชีวิตชุมชนอาจเปลี่ยนแปลงไป เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว

สิ่งที่อาจตามมาคือผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งการจัดการขยะมูลฝอย น้ำเสีย ระบบสาธารณูปโภคหากการดูแลไม่ทั่วถึง จะเป็นผลด้านลบต่อแหล่งท่องเที่ยว ดังนั้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว ควรมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน