net-zero

53 ประเทศหนุนกองทุน TFFF ใน COP30 ระดมทุนได้กว่า 5.5 พันล้านดอลลาร์

In Brief

  • กองทุน Tropical Forest Forever Facility (TFFF) เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่การประชุม COP30 โดยมี 53 ประเทศร่วมให้การรับรองเพื่ออนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อน
  • สามารถระดมทุนในเบื้องต้นได้แล้วกว่า 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีผู้สนับสนุนหลักคือนอร์เวย์ บราซิล และอินโดนีเซีย
  • มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงจูงใจทางการเงินในการปกป้องและฟื้นฟูป่าไม้ โดยจะจ่ายค่าตอบแทนสำหรับ "บริการทางระบบนิเวศ" ที่ป่ามอบให้แก่โลก
  • กองทุนนี้ให้ความสำคัญกับบทบาทของชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น โดยมีการจัดสรรทรัพยากรอย่างน้อย 20% ให้โดยตรง

การประชุมสุดยอดผู้นำ COP30 เมืองเบเลง ประเทศบราซิล เปิดตัว โครงการ Tropical Forest Forever Facility (TFFF) อย่างเป็นทางการในงานระดับสูง โดยมีผู้นำจากกว่า 30 ประเทศ ทั้งประเทศที่มีป่าฝนเขตร้อนและประเทศผู้สนับสนุน รวมถึงเลขาธิการสหประชาชาติ เข้าร่วมเพื่อเฉลิมฉลองหมุดหมายสำคัญด้านการเงินสิ่งแวดล้อมระดับโลก

พิธีเปิดจัดขึ้นโดย ประธานาธิบดี ลูอิซ อินาซีโอ ลูลา ดา ซิลวา แห่งบราซิล ซึ่งได้ประกาศแถลงการณ์เปิดตัว TFFF ที่ได้รับการรับรองจาก 53 ประเทศแล้ว รวมถึง 19 ประเทศที่แสดงเจตจำนงเป็นผู้ลงทุนภาครัฐ 

นอร์เวย์ ให้คำมั่นจะสนับสนุนเงิน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 10 ปี ภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ ขณะที่บราซิลและอินโดนีเซียยืนยันการลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ ตามที่เคยประกาศไว้

ประเทศโปรตุเกสให้คำมั่น 1 ล้านดอลลาร์ ฝรั่งเศสระบุว่าจะพิจารณาสนับสนุนสูงสุด 500 ล้านยูโร ภายในปี 2030 ภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ

ส่วนเนเธอร์แลนด์มอบเงิน 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับสำนักงานเลขาธิการ และเยอรมนีให้การสนับสนุนเต็มรูปแบบ โดยจะหารือรายละเอียดทางการเงินระหว่างประธานาธิบดีลูลาและนายกรัฐมนตรีแชลเลอร์ เมิร์ซในวันถัดไป

34 ประเทศที่มีป่าฝนเขตร้อนร่วมรับรองแถลงการณ์ TFFF

ภาพรวม มี 34 ประเทศที่มีป่าฝนเขตร้อนร่วมรับรองแถลงการณ์ TFFF ครอบคลุมพื้นที่กว่า 90% ของป่าฝนในประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงอินโดนีเซีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และจีน

TFFF ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบครั้งประวัติศาสตร์ในความพยายามระดับโลกเพื่อปกป้องและฟื้นฟูป่าฝน เนื่องจากกองทุนนี้มุ่งแก้ไขความล้มเหลวของกลไกตลาด โดยสร้างมูลค่าและจ่ายค่าตอบแทนสำหรับบริการระบบนิเวศที่ป่าฝนมอบให้กับโลก ซึ่งเป็นแรงจูงใจทางการเงินระดับโลกครั้งแรกเพื่อส่งเสริมการรักษาป่าฝนให้คงอยู่ แทนที่จะถูกทำลาย

ประธานาธิบดีลูลากล่าวในพิธีเปิดว่า Tropical Forest Forever Facility ที่ก่อตั้งในวันนี้คือความริเริ่มที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในประวัติศาสตร์ ประเทศในโลกใต้จะมีบทบาทนำในวาระการอนุรักษ์ป่าเป็นครั้งแรก พร้อมเสริมว่า

TFFF จะเป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมหลักในจิตวิญญาณของการดำเนินการตาม COP30 และการที่เราจัดงานนี้ที่เมืองเบเลง

มารินา ซิลวา รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของบราซิล กล่าวเสริมว่า การเปิดตัว TFFF ใน COP30 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์การอนุรักษ์ป่าฝน เพราะเป็นครั้งแรกที่เรามีกลไกระดับโลกที่รับรองคุณค่าของบริการระบบนิเวศ และมอบแรงจูงใจถาวรเพื่อการอนุรักษ์ ถือเป็นความสำเร็จร่วมกันที่วางบราซิลไว้ในศูนย์กลางของการสร้างทางออกเชิงสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืน

เฟร์นันโด ฮัดแดด รัฐมนตรีคลังบราซิล กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ของโลก เพียงสองปีหลังจากที่แนวคิดนี้ถือกำเนิดขึ้น หลายสิบประเทศได้รวมตัวกันเพื่อสนับสนุน TFFF กลไกทางการเงินระหว่างประเทศใหม่นี้จะเชื่อมโยงเงินทุนจากภาครัฐและเอกชนในระบบที่มั่นคงและระยะยาว เพื่อระดมทุนจำนวนมากสำหรับการอนุรักษ์ป่าฝนทั่วโลก

บราซิลภูมิใจที่ได้เป็นผู้นำในโครงการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งผสานความทะเยอทะยานด้านสภาพภูมิอากาศเข้ากับความร่วมมือระหว่างประเทศ

เมาโร วีเอรา รัฐมนตรีต่างประเทศบราซิล กล่าวเพิ่มเติมว่า TFFF สะท้อนวิสัยทัศน์ทางการทูตของบราซิลที่เชื่อว่าประเทศที่มีป่าฝนรู้ดีที่สุดว่าจะอนุรักษ์ป่าของตนอย่างไร กองทุนนี้จะให้อำนาจประเทศเหล่านั้นด้วยแหล่งทรัพยากรที่มั่นคงและขนาดใหญ่ เพื่อสนับสนุนนโยบายสิ่งแวดล้อมระยะยาว

หนึ่งในคุณลักษณะสำคัญคือการจัดสรรทรัพยากรอย่างน้อย 20% ให้กับชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น และโครงสร้างธรรมาภิบาลที่ให้ประเทศผู้มีป่าและประเทศผู้สนับสนุนมีสิทธิเท่าเทียมกัน

นอกจากนี้ การที่สองประเทศแรกที่ยืนยันการลงทุนในกองทุนนี้เป็นประเทศกำลังพัฒนา แสดงให้เห็นถึงแนวคิดใหม่ของพหุภาคีนิยมที่ปรับตัวและสร้างผลลัพธ์เชิงรูปธรรมได้จริงในยุคความท้าทายระดับโลก

โซเนีย กัวจาจารา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงชนพื้นเมืองบราซิล กล่าวเสริมว่า TFFF ยอมรับถึงบทบาทสำคัญของชนพื้นเมืองและชุมชนดั้งเดิมในการปกป้องผืนป่า การรับรองให้ทรัพยากรอย่างน้อย 20% ไปถึงผู้พิทักษ์เหล่านี้โดยตรง ถือเป็นความสำเร็จทางประวัติศาสตร์และก้าวสำคัญสู่ความเท่าเทียมและการยอมรับภูมิปัญญาบรรพบุรุษ

นายกรัฐมนตรีโยนาส การ์ สโตเรอ แห่งนอร์เวย์ กล่าวว่า การหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

เราไม่มีเวลาจะรออีกต่อไปหากต้องการปกป้องป่าฝนของโลก กองทุน TFFF สามารถจัดหาเงินทุนระยะยาวที่มั่นคงให้ประเทศที่เกี่ยวข้องได้ และนอร์เวย์ให้ความสำคัญในการสนับสนุนโครงการนี้

ธนาคารโลกได้รับการยืนยันให้เป็น ผู้ดูแลกองทุนและเจ้าภาพชั่วคราวของ TFFF

ขั้นตอนต่อไปคือการจัดตั้งกองทุนย่อย Tropical Forest Investment Fund (TFIF) ภายใต้เขตอำนาจระดับประเทศ เพื่อเริ่มกระบวนการดำเนินงาน โดยเมืองเบเลงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการระดมทุน TFFF และจะเปิดการเจรจากับผู้ลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะกลางคือกองทุนมูลค่า 1.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยทุนภาครัฐจากประเทศผู้สนับสนุน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และจากนักลงทุนสถาบัน 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ 

โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ประมาณการว่า การปกป้องและฟื้นฟูป่าจะต้องใช้เงินทุนมากกว่า 6.67 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่ง TFFF จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างสำคัญในระบบการเงินสิ่งแวดล้อม โดยมอบรางวัลให้ประเทศที่รักษาและฟื้นฟูพื้นที่ป่าครอบคลุม

องค์ประกอบนวัตกรรมสำคัญของ TFFF

  • TFFF มีศักยภาพสนับสนุนการคุ้มครองพื้นที่ป่าฝนกว่า 1 พันล้านเฮกตาร์ ในกว่า 70 ประเทศกำลังพัฒนา
  • การจ่ายเงินให้ประเทศต่าง ๆ จะอิงข้อมูลจาก ภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของเรือนยอดป่าอย่างโปร่งใสและมีต้นทุนต่ำ
  • การออกแบบ TFFF นำโดยบราซิลร่วมกับ DRC, กานา, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, โคลอมเบีย, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, นอร์เวย์, ฝรั่งเศส และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงการมีส่วนร่วมจากชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น
  • TFFF จะได้รับทุนจากภาครัฐแบบดั้งเดิมและไม่ดั้งเดิม มูลนิธิ สำนักงานครอบครัว และนักลงทุนเอกชน
  • มีการกำหนดให้จัดสรรทรัพยากร อย่างน้อย 20% ให้กับชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น เพื่อขยายโอกาสการเข้าถึงอย่างเป็นธรรม
  • การจัดสรรสินทรัพย์ของ TFFF จะไม่ลงทุนในกิจกรรมที่ก่อผลกระทบสิ่งแวดล้อมรุนแรง เช่น การตัดไม้ทำลายป่า หรือปล่อยก๊าซเรือนกระจก และจะไม่ลงทุนในอุตสาหกรรมถ่านหิน พีต น้ำมัน หรือก๊าซ
  • การลงทุนต้องสอดคล้อง หรืออย่างน้อยไม่ขัดกับเป้าหมายหลักของ TFFF
  • TFFF มีศักยภาพเพิ่มงบประมาณของกระทรวงสิ่งแวดล้อมในประเทศที่มีป่าฝนได้หลายเท่าตัว