net-zero

สหรัฐฯ ยืนยันไม่ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงร่วม COP30 ท่ามกลางแรงกังวลของนานาชาติ

In Brief

  • สหรัฐอเมริกาภายใต้รัฐบาลทรัมป์ประกาศจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศ COP30 ที่ประเทศบราซิล
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงจุดยืนชัดเจนว่าต่อต้านการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ โดยเคยกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็น “การหลอกลวงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก”
  • การตัดสินใจดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายก่อนหน้านี้ เช่น การประกาศถอนตัวจากความตกลงปารีส และการขัดขวางข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศอื่นๆ

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่า สหรัฐอเมริกาจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศ COP30 ที่จะจัดขึ้นในประเทศบราซิล ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลของผู้นำโลกบางส่วนที่เกรงว่าวอชิงตันอาจส่งคณะผู้แทนไปขัดขวางการเจรจา

บราซิลเตรียมจัดการประชุมสุดยอดผู้นำระดับสูงในสัปดาห์หน้า ก่อนที่การเจรจาด้านสภาพภูมิอากาศขององค์การสหประชาชาติซึ่งมีระยะเวลาสองสัปดาห์จะเริ่มขึ้นในเมืองเบเลง ริมฝั่งอเมซอน

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สหรัฐฯ ข่มขู่จะใช้ข้อจำกัดด้านวีซ่าและมาตรการคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้ประเทศที่โหวตเห็นชอบแผนขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ซึ่งอยู่ภายใต้องค์การสหประชาชาติ เพื่อจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งทางทะเลทั่วโลก

กลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลให้ประเทศส่วนใหญ่ใน IMO ลงมติให้เลื่อนการตัดสินใจเรื่อง “ราคาคาร์บอนโลก” สำหรับการขนส่งระหว่างประเทศออกไปอีกหนึ่งปี

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงจุดยืนของรัฐบาลอย่างชัดเจนแล้วเกี่ยวกับการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศในระดับพหุภาคี ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อเดือนที่แล้ว

โดยทรัมป์ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือ “การหลอกลวงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก” และตำหนิหลายประเทศที่ออกนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศซึ่ง “ทำให้ประเทศของตนต้องสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมหาศาล”

ประธานาธิบดีได้หารือโดยตรงกับผู้นำทั่วโลกในประเด็นพลังงาน ซึ่งสะท้อนได้จากข้อตกลงทางการค้าและสันติภาพในประวัติศาสตร์ที่ล้วนมีแกนกลางอยู่ที่ความร่วมมือด้านพลังงาน

รัฐบาลทรัมป์ยังเดินหน้าผลักดันข้อตกลงพลังงานทวิภาคีในกรอบการเจรจาการค้า เพื่อเพิ่มการส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของสหรัฐฯ ไปยังประเทศต่างๆ เช่น เกาหลีใต้และสหภาพยุโรป

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คริส ไรท์ รัฐมนตรีพลังงานของสหรัฐฯ กล่าวว่ามีโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับการค้าด้านพลังงานระหว่างจีนและสหรัฐฯ เนื่องจากจีนต้องการก๊าซธรรมชาติในช่วงที่ทั้งสองประเทศเจรจาภาษีการค้า

ทรัมป์ประกาศตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งว่าจะถอนสหรัฐฯ ออกจากความตกลงปารีสด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีระยะเวลา 10 ปี โดยจะมีผลในเดือนมกราคม 2026 ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กำลังทบทวนการมีส่วนร่วมของประเทศในข้อตกลงสิ่งแวดล้อมพหุภาคีอื่นๆ

เมื่อต้นปีนี้ สหรัฐฯ ยังได้กดดันประเทศที่อยู่ระหว่างการเจรจาจัดทำสนธิสัญญาระดับโลกเพื่อลดมลพิษจากพลาสติก ไม่ให้สนับสนุนข้อตกลงที่มีการกำหนดเพดานการผลิตพลาสติก

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยังกล่าวกับรอยเตอร์เพิ่มเติมว่า กระแสกำลังเปลี่ยนเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยอ้างถึงบันทึกที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้โดย บิล เกตส์ มหาเศรษฐีและนักลงทุนผู้สนับสนุนประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมายาวนาน ซึ่งระบุว่าถึงเวลาแล้วที่โลกควรเปลี่ยนโฟกัสจากการพยายามบรรลุเป้าหมายอุณหภูมิโลก ไปสู่แนวทางใหม่ พร้อมชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะไม่ทำให้มนุษยชาติล่มสลาย