In Brief
ในโลกที่กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหามลพิษ ตลอดจนความต้องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายหน่วยงานจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยนำแนวคิด “เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)” มาออกแบบกระบวนการผลิตที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานและทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ได้นำแนวคิดนี้มาใช้กับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง โดยนำผลพลอยได้จากการผลิตไฟฟ้า หลังเผาเชื้อเพลิงถ่านหินลิกไนต์ทั้งเถ้าลอย เถ้าหนัก และยิปซัมสังเคราะห์ กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์แทนการฝังกลบ นำไปเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ คอนกรีตและวัสดุก่อสร้าง ปุ๋ยและวัสดุปรับปรุงดิน
จากองค์ความรู้ที่ผสานความเชี่ยวชาญด้านพลังงานเข้ากับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม และแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน นำมาสู่การสร้าง EV Ecosystem อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงพัฒนาสถานีชาร์จ EleX by EGAT และขยายจำนวนสถานีให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อรองรับการใช้ EV ที่เพิ่มขึ้น แต่ยังมุ่งยกระดับ EleX by EGAT ให้เป็นมากกว่าสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อก้าวสู่การเป็น “Green Charging Station” หรือสถานีชาร์จต้นแบบด้วยนวัตกรรมสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สถานีชาร์จ EleX by EGAT Green Charging Station ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 5 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าชีวมวล และศูนย์การเรียนรู้พลังงานสะอาด จึงได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดใหม่ “Enlighted EcoCharge” ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ได้แก่ ต้นไม้ ใบบัว และดอกเห็ด ถ่ายทอดผ่านสถาปัตยกรรมในรูปแบบเรียบง่าย (Simple) เพื่อสื่อถึง พลังงานสะอาด (Clean Energy) และแนวคิดการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน รูปทรงที่ได้ยังสะท้อนถึง “ผลผลิตจากธรรมชาติ” ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของพื้นที่แห่งนี้ เป็นต้นแบบของการบูรณาการพลังงานสะอาดกับยานยนต์ไฟฟ้าอย่างกลมกลืน และสะท้อนภาพรวมของระบบนิเวศพลังงานสะอาดในระดับพื้นที่อย่างชัดเจน
องค์ประกอบสำคัญอีกประการคือ การใช้ สีเรืองแสง บริเวณโครงสร้างของเสาทั้งสามต้น ซึ่งได้รับการออกแบบให้ทำหน้าที่เป็น “เสาแห่งพลังงาน” เพื่อสื่อถึงการรวบรวมพลังงานสะอาดในพื้นที่ และปลดปล่อยแสงออกมาเป็นสัญลักษณ์ของการส่งต่อพลังงานสู่ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ตลอด 24 ชั่วโมง เสาเหล่านี้จึงทำหน้าที่เป็นงานศิลป์ที่ให้แสงและสื่อความหมายด้านพลังงานแก่ผู้ใช้งาน
นอกจากนี้ หัวใจสำคัญที่ทำให้สถานีแห่งนี้เป็น Green Charging Station เป็นการเลือกใช้ วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการนำคอนกรีตทางเลือก EGAT AshNova มาเป็นวัสดุในการก่อสร้างบริเวณพื้น ซึ่งเป็นนวัตกรรมวัสดุที่พัฒนามาจาก “เถ้าลอย” (Fly Ash) ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง จากใช้ถ่านหินลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิงปีละกว่า 12.7 ล้านตัน และก่อให้เกิดเถ้าลอยราว 1.7 ล้านตันต่อปี
นวัตกรรมดังกล่าวนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง กฟผ.กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (มทร.ล้านนา) วิจัยและพัฒนาจนเกิดเป็น EGAT AshNova ซึ่งเป็น “คอนกรีตทางเลือก” ที่ใช้เถ้าลอยทดแทนปูนซีเมนต์ได้สูงสุดถึง 100%
สามารถตอบโจทย์ในงานก่อสร้างของสถานีชาร์จและงานอื่นๆ ทั้งด้านวิศวกรรม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจหมุนเวียน เนื่องจากมีกำลังรับแรงอัดสูง และทนทานต่อกรดและด่างสูง ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของคอนกรีตและวัสดุในงานก่อสร้างได้เป็นอย่างดี จากการทดลองจริงพบว่ามีกำลังรับแรงอัดสูงถึง 325 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
อีกทั้ง ช่วยลดการใช้ปูนซีเมนต์ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ผลิตจากธรรมชาติ และที่สำคัญคือช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากกระบวนการผลิตซีเมนต์ได้ถึง 58% หรือ 288 กิโลกรัมต่อการผลิตคอนกรีต1 ลูกบาศก์เมตร นับเป็นการพลิกของเหลือทิ้งจากโรงไฟฟ้ามาสร้างคุณค่าใหม่
รวมถึงช่วยลดต้นทุน ในการผลิตคอนกรีตเพราะมีราคาถูกกว่าการใช้ปูนซีเมนต์ นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการฝังกลบเถ้าลอยที่ไม่ผ่านเกณฑ์เชิงพาณิชย์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่าปีละ 3 ล้านบาท
นอกจากนี้ สถานีชาร์จแห่งนี้ ยังเลือกใช้วัสดุที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและการใช้งาน อย่างหลังคา จะเลือกใช้ Polycarbonate ที่ผลิตจาก เม็ดพลาสติกรีไซเคิล ใช้สีทับหน้าโพลียูรีเทน ซึ่งมีค่า VOC (Volatile Organic Compounds หรือ สารระเหยอินทรีย์) ต่ำ ปลอดภัยต่อทั้งผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม
ที่สำคัญสถานีชาร์จแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็น จุดเรียนรู้เชิงประสบการณ์ (Experiential Learning Node) เชื่อมโยงกับศูนย์การเรียนรู้พลังงานสะอาดทับสะแก เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และแรงบันดาลใจแก่สาธารณชน ช่วยเสริมให้ภาพลักษณ์และการเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานสะอาด และเป็นต้นแบบของการออกแบบสถานีชาร์จที่ผสานแนวคิดพลังงานสะอาด การเรียนรู้ และสะท้อนบทบาทของ กฟผ. ในการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานด้าน EV Infrastructure ของประเทศไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต ด้วยการพลิกของเหลือทิ้งอย่างเถ้าลอยมาเป็นคอนกรีตรักษ์โลก สร้างคุณค่าใหม่ให้กับสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมส่งต่อพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในสังคมคาร์บอนต่ำอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ กฟผ. ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสถานีชาร์จ EleX by EGAT และขยายจำนวนสถานีให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อรองรับการใช้ EV ที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีสถานีชาร์จ EleX by EGAT ทั่วประเทศจำนวน 303 แห่ง และวางแผนจะขยายให้ได้ถึง 312 แห่ง ภายในปี 2568 เพื่อยกระดับให้ EleX by EGAT เป็นมากกว่าสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า และก้าวสู่การเป็น “Green Charging Station” หรือสถานีชาร์จต้นแบบด้วยนวัตกรรมสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง