net-zero

เทียบชัด เงิน vs ทองคำ พลังงาน–คาร์บอน–ต้นทุน ในยุค Net Zero

In Brief

  • เมื่อเทียบกันตันต่อตัน การสกัดเงินใช้พลังงานน้อยกว่าทองคำ 80 เท่า และปล่อยคาร์บอนน้อยกว่า 72 เท่า
  • ต้นทุนการผลิตทองคำต่อออนซ์สูงกว่าเงินถึง 51 เท่า ทำให้เงินเป็นโลหะที่มีประสิทธิภาพทางต้นทุนสูงกว่า
  • เงินเป็นวัสดุสำคัญในเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เช่น แผงโซลาร์เซลล์และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มโลกยุค Net Zero

ในโลกที่เศรษฐกิจโลกกำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาด โลหะที่เคยเป็นเพียงเครื่องประดับหรือสินทรัพย์เก็บมูลค่า กำลังถูกมองใหม่ในมิติสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนโดยเฉพาะ “เงิน (Silver)” ที่กลายเป็นหนึ่งในโลหะที่ถูกจับตามองมากที่สุด

เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่าง “ทองคำ” และ “เงิน” พบความแตกต่างอย่างชัดเจน ข้อมูลจาก Thunder Said Energy, AG Metals และ Metals Focus Gold Mine Cost Service ระบุว่า การสกัดทองคำหนึ่งตันต้องใช้พลังงานสูงถึง 20,000 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) ขณะที่การสกัดเงินใช้เพียง 250 เมกะวัตต์ชั่วโมง  น้อยกว่าถึง 80 เท่า

พลังงานที่มากขึ้นหมายถึงการปล่อยคาร์บอนที่มากขึ้นด้วย ทองคำหนึ่งตันปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO₂e) สูงถึง 9,000 ตัน ในขณะที่เงินปล่อยเพียง 125 ตัน หรือ น้อยกว่า 72 เท่า ตัวเลขนี้สะท้อนว่า แม้ทองคำจะมีมูลค่าสูงในตลาดโลก แต่ต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมกลับสูงลิ่วเมื่อเทียบกับโลหะสีขาวอย่างเงิน

ต้นทุนต่อออนซ์ ทองแพงกว่า 51 เท่า

ในแง่เศรษฐกิจ เงินยังได้เปรียบอย่างชัดเจน ต้นทุนเฉลี่ยในการผลิตทองคำอยู่ที่ 1,388 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ขณะที่เงินใช้เพียง 27 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือกล่าวได้ว่าการผลิตทองคำมีต้นทุนสูงกว่าเงินถึง 51 เท่า ความต่างนี้ทำให้ “เงิน” ไม่เพียงเป็นโลหะที่สะอาดกว่า แต่ยังมีประสิทธิภาพทางต้นทุนสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด

โลหะสะอาดแห่งยุคพลังงานสีเขียว

นอกจากบทบาทในภาคการเงินแล้ว “เงิน” ยังเป็นวัสดุสำคัญในเทคโนโลยีสีเขียวหลายประเภท ทั้งแผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ และระบบอิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ไฟฟ้า (EV)

คุณสมบัติที่ใช้พลังงานน้อยกว่า ปล่อยคาร์บอนต่ำกว่า และผลิตได้คุ้มค่ากว่า ทำให้เงินถูกยกให้เป็นโลหะแห่งอนาคต ของเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

ขณะที่ทองคำยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งมูลค่า เงินกลับเป็นโลหะที่สะท้อนคุณค่าทางสิ่งแวดล้อมซึ่งสอดรับกับแนวโน้มโลกยุค Net Zero ได้อย่างลงตัว

เทียบชัด เงิน vs ทองคำ พลังงาน–คาร์บอน–ต้นทุน ในยุค Net Zero

ข้อมูลทั้งหมดชี้ให้เห็นว่า “เงิน” ไม่ได้เป็นเพียงโลหะมีค่าอีกต่อไป แต่เป็น “ทรัพยากรพลังงานสะอาด” ที่คาดว่าสามารถสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียวได้ ทั้งในแง่พลังงาน ต้นทุน และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ความเข้มข้นด้านพลังงานและคาร์บอนที่ต่ำกว่าของเงิน ทำให้กลายเป็นโลหะที่น่าดึงดูดมากขึ้น สำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของโลก