net-zero

เนสท์เล่ถอนตัวจากพันธมิตรระดับโลกในการลดปล่อยก๊าซมีเทนจากผลิตภัณฑ์นม

In Brief

  • เนสท์เล่ประกาศถอนตัวออกจากกลุ่มพันธมิตร Dairy Methane Action Alliance ซึ่งเป็นความร่วมมือระดับโลกเพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนในอุตสาหกรรมนม
  • บริษัทให้เหตุผลว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนการเป็นสมาชิกองค์กรภายนอกตามปกติ โดยไม่ได้ระบุสาเหตุที่แน่ชัด
  • แม้จะถอนตัวออกจากพันธมิตร เนสท์เล่ยืนยันว่ายังคงมุ่งมั่นต่อเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050

เนสท์เล่ถอนตัวออกจากโครงการ Dairy Methane Action Alliance ซึ่งเป็นความร่วมมือระดับโลกที่มุ่งลดรอยเท้าคาร์บอนของการผลิตนม โดยยืนยันการถอนตัวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวเกิดจากการทบทวนการเป็นสมาชิกขององค์กรภายนอกตามปกติ

พันธมิตรนี้ก่อตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม 2023 โดยมูลนิธิ Environmental Defense Fund (EDF) ของสหรัฐฯ และรวมกลุ่มผู้ซื้อผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ เช่น ดานอน (Danone), คราฟท์ไฮนซ์ (Kraft Heinz) และสตาร์บัคส์ (Starbucks) โดยสมาชิกได้ให้คำมั่นว่าจะเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซมีเทนในห่วงโซ่อุปทานนมของตนอย่างโปร่งใส และกำหนดแผนลดการปล่อยในระยะยาว

เนสท์เล่ไม่ได้ให้เหตุผลโดยตรงถึงการถอนตัว แต่ย้ำว่ายังคงมุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งกระบวนการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน พร้อมยืนยันเป้าหมายสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 บริษัทระบุในแถลงการณ์ว่า

เนสท์เล่จะทบทวนการเป็นสมาชิกขององค์กรภายนอกอย่างสม่ำเสมอและจากกระบวนการดังกล่าว ได้ตัดสินใจยุติการเป็นสมาชิกของ Dairy Methane Action Alliance

ลดมีเทนหัวใจสำคัญของเป้าหมายสภาพภูมิอากาศในอุตสาหกรรมนม

มีเทนเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่มีศักยภาพสูงที่สุด โดยสามารถกักเก็บความร้อนได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ราว 28–30 เท่าในระยะเวลา 100 ปี ตามข้อมูลจากสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ (EPA) ภาคเกษตรกรรมมีส่วนในการปล่อยมีเทนจากกิจกรรมมนุษย์ประมาณ 40% โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเลี้ยงสัตว์

Environmental Defense Fund (EDF) ของสหรัฐฯ จัดตั้งพันธมิตรดังกล่าวเพื่อผลักดันให้ผู้ซื้อและผู้ผลิตนมร่วมรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซจากการหมักในระบบย่อยอาหารของสัตว์ (enteric fermentation) และ การจัดการมูลสัตว์ ซึ่งเป็นสองแหล่งปล่อยที่ควบคุมได้ยากที่สุด โดยบริษัทที่เข้าร่วมต้องผนวกระบบติดตามการปล่อยเข้ากับกระบวนการจัดซื้อ และใช้เทคโนโลยีลดการปล่อยที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว เนสท์เล่ระบุในรายงานความยั่งยืนล่าสุดว่า ได้ลดการปล่อยมีเทนลงแล้วเกือบ 21% จากฐานปี 2018 

พันธมิตรสภาพภูมิอากาศภาคเอกชนเผชิญแรงกดดัน

การถอนตัวของเนสท์เล่เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสถอยห่างจากความร่วมมือพหุภาคีด้านสภาพภูมิอากาศของบริษัทขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในภาคการเงินและพลังงานของสหรัฐฯ ธนาคารหลายแห่งได้ถอนตัวจากพันธมิตรระดับโลกที่มุ่งสอดคล้องพอร์ตสินเชื่อกับเส้นทางสู่ Net Zero โดยให้เหตุผลด้านธรรมาภิบาล กฎหมาย และการแข่งขัน

แนวโน้มนี้เกิดขึ้นพร้อมกับกระแสต่อต้านนโยบาย ESG ในหลายประเทศ และการยกเลิกโครงการสภาพภูมิอากาศของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

สิ่งที่ผู้บริหารและนักลงทุนควรจับตา

การตัดสินใจของเนสท์เล่อาจนำไปสู่การประเมินใหม่ว่า บริษัทอาหารระดับโลกควรมีส่วนร่วมในกรอบการจัดการก๊าซมีเทนอย่างไร แม้ว่าผลการดำเนินงานด้านการลดการปล่อยของบริษัทจะมีความคืบหน้าอย่างชัดเจน แต่การร่วมมือแบบรวมกลุ่ม ยังคงมีความสำคัญต่อการขยายผลสู่ระบบเกษตรกรรมที่กระจัดกระจายทั่วโลก

การลดก๊าซมีเทนได้กลายเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของทั้งภาครัฐและนักลงทุนที่ต้องการเห็นผลการลดโลกร้อนอย่างรวดเร็ว ภายใต้โครงการ Global Methane Pledge ซึ่งมีประเทศเข้าร่วมกว่า 150 ประเทศ และตั้งเป้าลดการปล่อยมีเทนทั่วโลกลง 30% ภายในปี 2030 ภาคอุตสาหกรรมนมและปศุสัตว์จึงถูกมองว่าเป็นกลไกหลักในการบรรลุเป้าหมายนี้

รายงานจาก ESG News ระบุว่า ชื่อของเนสท์เล่ถูกลบออกจากเว็บไซต์หลักของพันธมิตรแล้ว แม้ว่ายังปรากฏอยู่ในเอกสารอื่นของ EDF ซึ่งสะท้อนถึงสัญญาณการเปลี่ยนทิศทางของพันธมิตรองค์กรระดับโลกอย่างชัดเจน

ที่มา 

  • ESG News
  • reuters