net-zero

กฟผ. กางแผน Net Zero ดันโซลาร์ลอยนํ้า 1 หมื่นเมกฯ 10 เขื่อนทั่วประเทศ

จากร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยพ.ศ. 2567-2580 หรือแผน PDP 2024 ที่อยู่ระหว่างทบทวนใหม่ หลังจากที่ผ่านความรับฟังความคิดเห็นไปแล้วตั้งแต่ช่วงกลางปี 2567 ที่ผ่านมา

ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ในการสนับสนุนให้ประเทศบรรลุหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2608

จุดเด่นของแผน PDP2024 ดังกล่าว เป็นการรักษาระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคง โดยจัดทำค่า LOLE (Loss of Load Expectation) ไม่เกิน 0.7 วันต่อปี สามารถรองรับ Peak Demand ได้ถึง 54,546 เมกะวัตต์ และรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), ระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS), Prosumer และระบบ Smart Grid

โดยจะมีกำลังผลิตไฟฟ้า ณ สิ้นปี 2580 อยู่ที่ 112,391 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วยกำลังผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล 30,497 เมกะวัตต์, พลังงานหมุนเวียน 64,977 เมกะวัตต์, และระบบกักเก็บพลังงาน/พลังงานนิวเคลียร์ 16,916 เมกะวัตต์ โดยมีค่าไฟฟ้าในราคาที่เหมาะสมไม่เกิน 4 บาทต่อหน่วย จากการกระจายเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า และส่งเสริมการใช้ไฮโดรเจนผสมกับก๊าซธรรมชาติ

แผน PDP2024 นี้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนกว่า 51% ภายในปี 2580 และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) จากการผลิตไฟฟ้าลงเหลือ 61.8 ล้านตัน

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากแผน PDP2024 ได้แก่ การลงทุนในโรงไฟฟ้าที่มีข้อผูกพันไว้แล้วและที่จะเปิดรับเพิ่มเติมถึงปี 2573 กว่า 650,000 ล้านบาท การลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ๆ เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน พลังงานไฮโดรเจน พลังงานนิวเคลียร์โมดูลขนาดเล็ก (SMRs) และระบบสมาร์ทกริด

กฟผ. กางแผน Net Zero ดันโซลาร์ลอยนํ้า 1 หมื่นเมกฯ 10 เขื่อนทั่วประเทศ

แผนนี้คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนตลอดแผนรวมกว่า 2 ล้านล้านบาท และช่วยพัฒนากลไกให้ภาคเอกชนและนักลงทุนเข้าถึงพลังงานสีเขียวในอนาคต เช่น Green Tariff และ Direct PPA

ดร.ณัฐจารีย์ ศรีเพ็ชร์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับแผนพีดีพีที่จะประกาศใช้ กฟผ.มีแผนที่จะสนับสนุนด้านพลังงานสีเขียว โดยการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยนํ้า (Hydro-Floating Solar Hybrid) เพื่อเสริมความมั่นคงไฟฟ้าพลังงานสะอาด โดยมีแผนเดินหน้าโครงการต่ออีก 10,000 เมกะวัตต์ ใน 10 เขื่อนทั่วประเทศ จากเดิมที่ร่างแผนพีดีพีบรรจุไว้ราว 2,725 เมกะวัตต์

ปัจจุบันดำเนินงานแล้ว 2 แห่ง เขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ และเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ชุดที่ 1 กำลังผลิต 24 เมกะวัตต์ พร้อมระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS) และอยู่ระหว่างประกวดราคาก่อสร้างที่เขื่อนภูมิพล กำลังผลิต 158 เมกะวัตต์

อีกทั้ง มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังนํ้าแบบสูบกลับ (Pumped Storage Hydropower: PSH) ถือเป็นระบบกักเก็บพลังงานประเภทหนึ่ง (แบตเตอรี่) ช่วยจ่ายไฟฟ้าได้รวดเร็วในช่วงที่ความต้องการไฟฟ้าสูง ซึ่งปัจจุบันดำเนินการแล้วอาทิ โรงไฟฟ้าลำตะดอง กำลังผลิตราว 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งอนาคตมีแผนที่จะขยายกำลังผลิตอีก 3 แห่งที่โรงไฟฟ้าเขื่อนวชิราลงกรณ์ จังหวัดกาญจนบุรี กำลังผลิต 900 เมกะวัตต์ 

โรงไฟฟ้าพลังนํ้าแบบสูบกลับเขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังนํ้าแบบสูบกลับเขื่อนกะทูน จังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังผลิต 780 เมกะวัตต์ เป็นต้น จากร่างแผนพีดีพี ที่บรรจุไว้ราว 2,472 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ กฟผ.ยังได้รับมอบหมายให้ศึกษาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactors: SMRs): ซึ่งบรรจุดอยู่ในร่างแผน PDP2024 ขนาดกำลังผลิต 300 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรง ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดค่าไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ รวมถึงกฟผ.ยังมีแผนศึกษาการนำไฮโดรเจนมาผสมในโรงไฟฟ้าดังเดิมในสัดส่วนที่ 5% รวมถึงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์เชื้อเพลิงต่าง ๆ ที่จะมาช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงไฟฟ้า

ดร.ณัฐจารีย์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันในการรองรับกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีมากขึ้น กฟผ.ยังมีการพัฒนาปรับปรุงโครงข่าย (Grid Modernization) ให้ทันสมัย เพื่อรองรับหรือรักษาเสถียรภาพของพลังงานหมุนเวียนที่จะเข้ามาในระบบ เช่น การให้โรงไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่น ลดเวลาการเริ่ม/หยุดเดินเครื่อง ปรับกำลังการผลิตไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับความผันผวนจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และมีศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ที่แม่นยำ เพื่อช่วยให้ กฟผ. วางแผนล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และลดความเสี่ยงไฟฟ้าตก/ดับ เป็นต้น

กฟผ. ยังดำเนินโครงการด้านพลังงานสีเขียวหลากหลาย เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนให้เกิดการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนผ่านการซื้อและขายใบรับรองใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate : REC) ที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาตลาด REC ในประเทศไทย และกลไกการซื้อขายใบรับรองพลังงานหมุนเวียน เพื่อรองรับไฟฟ้าขีเขียว( Utility Green Tariff : UGT)

ส่งเสริมและเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ผ่าน EV Business Ecosystem โดยมีสถานีชาร์จ Elex by EGAT กว่า 219 สถานี แอปพลิเคชัน จองการชาร์จล่วงหน้า , ระบบ BackEN EV ระบบบริหารจัดการเครือข่ายสถานีชาร์จสำหรับเจ้าของธุรกิจ และ Model หัวชาร์จ ที่สามารถเชื่อต่อการชาร์จได้มากกกว่า 50 รุ่น รวมถึงยังส่งเสริมการใช้ ENGY E-bike และสถานีสลับแบตเตอรี่ ที่มีวินรถจักรยานยนต์และ E-Bike riders ใช้บริการราว 200 คัน

อีกทั้ง กฟผ.ยังได้ดำเนินงาน การจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (Demand Side Management) ไม่ว่าจะเป็น โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้า เบอร์ 5 ติดดาว โครงการบ้าน/อาคาร เบอร์ 5 และโครงการห้องเรียนสีเขียว เป็นต้น