net-zero

โลกยังคงเดินหน้าธุรกิจด้านสภาพภูมิอากาศ ขณะสหรัฐฯ ถอยหลัง

โลกมุ่งหน้าพัฒนาธุรกิจด้านสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรป นักลงทุนและบริษัทระดับโลกหันไปลงทุนในโปรเจกต์สีเขียวในลอนดอนแทนนิวยอร์ก

โลกกำลังเร่งขับเคลื่อนธุรกิจด้านสภาพภูมิอากาศ โดยไม่รอสหรัฐฯ ที่เริ่มลดบทบาทลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเชิงนโยบายและการเข้าร่วมเวทีสำคัญ ขณะที่ภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะยุโรปและเอเชีย กลับเดินหน้าลงทุน พัฒนา และสนับสนุนความร่วมมือด้านพลังงานสะอาดและความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง

เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์แห่งอังกฤษ ทรงเดินเคียงข้างไมเคิล อาร์. บลูมเบิร์ก อดีตนายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ก ในงาน "Leading with Impact" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ สัปดาห์ปฏิบัติการ ด้านสภาพอากาศ แห่งลอนดอน ณ สำนักงานใหญ่ของบลูมเบิร์กในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2025

ภาพสะท้อนสำคัญปรากฏที่งาน London Climate Action Week (LCAW) ซึ่งจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายน โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 45,000 คน และจัดกิจกรรมกว่า 700 รายการ มากกว่าสองเท่าจากปี 2024 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากท่าทีของรัฐบาลสหราชอาณาจักรที่ส่งเสริมการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศอย่างชัดเจน และเปิดรับผู้เข้าร่วมจากประเทศกำลังพัฒนา

London Climate Action Week (LCAW)

หลายฝ่ายมองว่า บรรยากาศของงาน LCAW ปีนี้เติบโตขึ้นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความไม่แน่นอนของงาน New York Climate Week ที่จะจัดขึ้นในเดือนกันยายน ภายใต้นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทำให้สหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงลดการปล่อยคาร์บอนระดับโลก ลดงบช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา ถอยหลังด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม และจำกัดการสนับสนุนเทคโนโลยีสีเขียว ขณะเดียวกันก็มีการประกาศห้ามเดินทางจากหลายประเทศ เช่น อัฟกานิสถาน คองโก โซมาเลีย และชาด ซึ่งล้วนเผชิญความเปราะบางด้านภูมิอากาศ และต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ

Alexis McGivern หัวหน้าฝ่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของ Oxford Net Zero ระบุว่า องค์กรของเธอเพิ่มบทบาทใน LCAW ปีนี้อย่างชัดเจน และหากต้องส่งตัวแทนไปงานที่นิวยอร์กก็จะเป็นเพียงสมาชิกชาวอเมริกันเท่านั้น เช่นเดียวกับผู้แทนองค์กรจากทั่วโลกที่กังวลเรื่องการเข้าประเทศสหรัฐฯ รวมถึงความเสี่ยงทางการเมืองจากการพูดเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างเปิดเผย

บริษัทข้ามชาติยังคงเดินหน้าลงทุนด้านโซลูชันสีเขียว

ข้อมูลจากแบบสำรวจของ World Business Council for Sustainable Development (WBCSD) และ Bain & Company ซึ่งเผยแพร่ในช่วงเวลาเดียวกันกับงาน LCAW พบว่า บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ยังคงเดินหน้าลงทุนด้านโซลูชันสีเขียว แต่กำลังลดน้ำหนักการลงทุนในสหรัฐฯ และหันเป้าหมายไปยังยุโรปและเอเชียแทน โดย กว่า 75% ของบริษัทที่ตอบแบบสำรวจ ระบุว่ามีความสนใจในภูมิภาคเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น

เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์แห่งอังกฤษ ผู้ก่อตั้งและประธานรางวัล Earthshot ดารา โคสโรว์ชาฮี ซีอีโอของ Uber ริต้า มาเรีย เอล ซาคลูล ผู้อำนวยการ High Ambition Coalition และโรเบิร์ต เออร์วิน ทูตรางวัล Earthshot เข้าร่วมงาน "Leading with Impact" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ สัปดาห์ปฏิบัติการ ด้านสภาพอากาศ แห่งลอนดอน ณ สำนักงานใหญ่ของ Bloomberg ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2025 REUTERS

ขณะเดียวกัน 50% ของบริษัทที่สำรวจ ยังระบุว่ามีความสนใจลงทุนด้านสภาพภูมิอากาศในสหรัฐฯลดลงซึ่งตอกย้ำข้อกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนด้านนโยบายและสภาพแวดล้อมทางการเมือง แม้หลายบริษัทในสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าลดการปล่อยคาร์บอนด้วยกลยุทธ์ที่ช่วยประหยัดต้นทุน แต่หลายรายเลือกไม่เปิดเผยต่อสาธารณะเพราะเกรงจะถูกเพ่งเล็ง

Peter Bakker ประธานและซีอีโอของ WBCSD ระบุว่า ธุรกิจไม่ได้ละทิ้งเส้นทางการลดคาร์บอน แต่ระดับความเปิดเผยในการสื่อสารขึ้นอยู่กับว่าบริษัทตั้งอยู่ที่ไหน

ขณะที่ฝั่งอังกฤษ รัฐบาลส่งสัญญาณชัดเจนในการเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาด โดย Ed Miliband รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของสหราชอาณาจักร กล่าวในงาน LCAW ว่าเขาต้องการให้สหราชอาณาจักรกลายเป็น “มหาอำนาจด้านพลังงานสะอาด” และ “หลุดพ้นจากตลาดเชื้อเพลิงฟอสซิล”

Hindou Oumarou Ibrahim ผู้แทนประชาชนพื้นเมืองแห่งสหประชาชาติจากประเทศชาดกล่าวว่า ลอนดอนให้พื้นที่พูดคุยเรื่องสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลาย และสิทธิมนุษยชนได้อย่างเสรีมากกว่าสหรัฐฯ

คุณสามารถพูดอย่างตรงไปตรงมากับรัฐบาลในลอนดอน โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเพ่งเล็งหรือถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม นักลงทุนเอกชนและผู้บริจาคเพื่อการกุศลก็รู้สึกมั่นใจมากกว่าที่จะเปิดเผยท่าทีของตนในลอนดอน

แม้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้การจัดงาน Climate Week ในนิวยอร์กเผชิญความท้าทาย แต่ผู้จัดงานยังคงยืนยันว่ามีความพร้อม และหลายภาคส่วนในธุรกิจและภาคประชาสังคมยังคงตั้งใจเข้าร่วม อย่างไรก็ตาม ภูมิทัศน์ของการลงทุนเพื่อสภาพภูมิอากาศของโลกในปีนี้ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า โลกยังคงเดินหน้า โดยไม่รอสหรัฐฯ