net-zero

กฟผ. เพิ่มแต้มต่อการแข่งขันด้านพลังงานสะอาด ตอบโจทย์คาร์บอนเป็นศูนย์

ผอ.เศรษฐกิจพลังงาน ฉายภารกิจ กฟผ.หนุนพลังงานสีเขียว เพิ่มแต้มต่อให้ธุรกิจ รองรับการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ตอบโจทย์คาร์บอนเป็นศูนย์ ภายในปี2608

 

กฟผ. เพิ่มแต้มต่อการแข่งขันด้านพลังงานสะอาด ตอบโจทย์คาร์บอนเป็นศูนย์

 

ดร.ณัฐจารีย์ ศรีเพ็ชร์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)  เผยผ่านงาน สัมมนาใหญ่แห่งปีของหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ และเว็บไซต์ Thandigital  ในหัวข้อ “Road to Net Zero 2025: Thailand Green Action” ใน Seasion II  Advancing Towatds Green Electricity : ภารกิจกับการพัฒนายั่งยืน ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ได้มีการสนับสนุนพลังงานสีเขียว “ร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580" หรือ แผน PDP 2024   อยู่ระหว่างการนำเสนอภาครัฐจะตัดสินใจอยู่เกี่ยวกับพลังงานสีเขียวอย่างไรบ้าง

โดยในแผน PDP 2024  มีเป้าหมายหลักมุ่งสูความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายใน ปี 2608  เป็นแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ฉบับล่าสุด โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้า,ควบคุมต้นทุนค่าไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่เกิน 4 บาทต่อหน่วย รวมมีการทำในเรื่องไฮโดรเจน  และมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (RE) เป็น 51% โดยจะลดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล (ก๊าซธรรมชาติ, ถ่านหินและลิกไนต์) ลงจาก 19% ในปี 2567 เหลือ 7% ภายในสิ้นสุดแผน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (net zero)

 

"กฟผ." เป็นหน่วยงานหลักในเรื่องการผลิตไฟฟ้า ในฐานะรักษาความมั่นคงพิจารณา 3 ส่วนหลัก ด้วยกัน ได้แก่ ในเรื่องความมั่นคงพลังงานไฟฟ้าให้มีความเหมาะสม และเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยมีการปรับปรุงโรงไฟฟ้าและระบบส่งไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ อาทิ  โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ จะทำให้ลดต้นทุนได้ เสร็จแล้วมีอยู่ 2 เขื่อน ได้แก่  เขื่อนสิรินธร และเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งมีกำลังการผลิต กำลังผลิต 69 เมกะวัตต์ และมีแผนที่จะดำเนินต่อไปอีกที่ตั้งเป้าไว้อยู่ที่ 1 หมื่น ภายใน 10 เขื่อนทั่วประเทศ ได้บรรจุอยู่ในแผนเรียบร้อยแล้ว

 

กฟผ. เพิ่มแต้มต่อการแข่งขันด้านพลังงานสะอาด ตอบโจทย์คาร์บอนเป็นศูนย์

 

นอกจากนี้มีโรงไฟฟ้าแบบสูบกลับเพื่อเพิ่มความสามารถในการจ่ายไฟฟ้าในช่วงที่มีความต้องการสูง การศึกษาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แบบ SMR เพื่อลดต้นทุนและคาร์บอน โดยเฉพาะพลังงานนิวเคลียร์มีศักยภาพในการลดการปล่อยคาร์บอน แต่ก็มีความท้าทายในเรื่องการหาพื้นที่ตั้ง และสุดท้ายคือการผสมผสานไฮโดรเจนกับไฟฟ้าเพื่อผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์เชื้อเพลิงในอนาคต

สำหรับแผนในเรื่องการเพิ่มพลังงานหมุนเวียนของ กฟผ.ดีในเรื่องของพลังงงานสีเขียว แต่สิ่งที่ที่จะตามมาก็คือ ในเรื่องความเสถียร ของระบบไฟฟ้าก็จะน้อยลงเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ กฟผ.จะต้องรองรับ  ก็คือ Grid  Modernization  เป็นตัวระบบรองรับพลังงาหมุนเวียนที่ใช้ในประเทศ ปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่น  เช่น โซล่า  มีฝนตกและไม่มีแดด จะต้องทำอย่างไร  เพราะปกติโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่จะเริ่มต้นใช้เวลาเยอะจะต้องปรับเวลาให้สตาร์ทอัพได้เร็วขึ้น และปรับโครงข่าย กฟผ.ให้มีความยืดหยุ่นลง  มีระบบการเก็บพลังงานเพิ่มขึ้น และปัจจุบันมีศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (REFC) และศูนย์ควบคุมการตอบสนองด้านโหลด (DRCC) ร่วมเปลี่ยนผ่านและยกระดับระบบไฟฟ้าประเทศไทยสู่ความทันสมัยและมั่นคง 

 

กฟผ. เพิ่มแต้มต่อการแข่งขันด้านพลังงานสะอาด ตอบโจทย์คาร์บอนเป็นศูนย์

 

นอกจากนี้ยังเป็นหน่วยงานได้รับมอบหมายให้ออกใบรับรองในเรื่องพลังงานหมุนเวียน หรือเรียกว่า REC  ก็ยังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับ EV ก็เป็นส่วนหนึ่งในระบบในทั้งตัวสถานีชาร์จ รวมทั้งการพัฒนาในเรื่องของอีบัค และมีการสลับสถานีแบตเตอรี่ และสุดท้ายมีเรื่องของอุปกรณ์โครงการฉลากเบอร์ 5 ได้ทำมานานมากแล้ว  แต่เราก็มีการพัฒนาเช่น  โครงการฉลากเบอร์ 5 และเพิ่มดาว ตลอดจนตัวอาคารเบอร์ 5 โรงเรียนสีเขียว โดยมีอัตราค่าบริการในการรองรับ Utillty Green Tariff (UGT) ในการสนับสนุนมีการบริการลูกค้าสีเขียวสำหรับลูกค้าที่ต้องการมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่ 1. แบบ UGT1   ยกตัวอย่าง ผู้ที่สนใจต้องการก็ให้แจ้งความจำนงมา  ทาง กฟผ.จะออกใบรับรอง โดยคิดค่าบริการบวกค่าพรีเมียม แหล่งจะมาจากโรงไฟฟ้าที่เป็นเขื่อน กฟผ. จำนวน 7 เขื่อน นี่เป็นเฟสแรก ที่ดำเนินการอยู่

2. แบบ UGT2  ก็คือผู้ที่จะใช้บริการจะบอกเลยว่าจะต้องการใข้โรงไฟฟ้าไหน  ซึ่งจะเป็นในส่วนของโซล่า วินด์ ที่มีการรับซื้อแล้วเซ็นสัญญาไปบ้างแล้ว อยู่ระหว่างที่ กฟผ. กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาค่าบริการอยู่

 

กฟผ. เพิ่มแต้มต่อการแข่งขันด้านพลังงานสะอาด ตอบโจทย์คาร์บอนเป็นศูนย์

ทั้งในอัตราค่าบริการ รัฐบาลประกาศกลางปีที่แล้วให้ใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access Code : TPA Code)  ประมาณ 2,000เมกะวัตต์ก่อน  ให้ใช้เฉพาะดาต้าเซ็นเตอร์เท่านั้น โดยให้ผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการสามารถเข้าถึงกันได้  ผ่านโครงข่ายของรัฐ เป็นไปตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 ก็คือ พิจารณาหลักเกณฑ์ และค่าบริการที่เหมาะสม (ค่าผ่านไฟและสายส่ง) เป็นต้น

โดยสรุปก็คือ กฟผ. เป็นหน่วยงานรัฐที่รับนโยบายในเรื่องพลังงาน ซึ่งก็มีการดำเนินการไปแล้วทั้งในเรื่องแผนการดำเนินนโยบายของประเทศ  เพื่อมุ่งความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593