ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการบริษัทเสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงานสัมมนา ROAD TO NET ZERO 2025 THAILAND GREEN ACTION : Green Building อาคารเขียว พลิกโฉมเมืองโตยั่งยืน ช่วง Net Zero Mission บ้านเปลี่ยนโลก จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ จุดเปลี่ยนสำคัญเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 ที่ได้รับผลกระทบ พบว่า ในช่วงระยะเวลา4เดือนไม่สามารถขายบ้านในช่วงนั้นได้ ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบไปด้วย
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวต่อว่า ตามเป้าหมายการพัฒนาระดับโลกที่ยั่งยืนของกลุ่มพัฒนาแห่งสหประชาชาชาติ (UN) SDGs จำนวน 17ข้อ พบว่าบริษัทเลือกมาดำเนินการได้ประมาณ 4 ข้อ ประกอบด้วย
ข้อ7. AFFORDABLE AND CLEAN ENERGY สร้างหลักประกันให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ที่ยั่งยืนในราคาที่ย่อมเยา 11.SUSTAINABLE CITIES AND COMMUNITIES สร้างชุมชนที่น่าอยู่ให้ทุกคนรู้สึกถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัย
12.RESPONSIBLE CONSUMPTION AND PODUCTION การรับผดชอบต่อสินค้าที่ผลิตทั้งการส่งมอบและหลังส่งมอบ 13.CLIMATE ACTION รับผิดชอบต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกับบริษัทได้ลงทุนร่วมกับพาร์ทเนอร์บริษัทประเทศญี่ปุ่น พบว่า การเดินหน้าไปสู่ญี่ปุ่น Net Zero หากไม่ทำถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายอีกทั้งต้องเสียค่าปรับด้วย แต่ถ้าสามารถดำเนินการได้จะได้รับประโยชน์จากการเดินรับเงินคืนจากภาครัฐ โดยบริษัทได้ส่งทีมงานไปเรียนรู้งานกับเขาเพื่อนำมาพัฒนาในองค์กรร่วมกับสถาบันจุฬาฯ โดยปรับให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคสามารถขายได้
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวหมู่บ้านเสนาโซลาร์รายแรกที่ติดโซลาร์ทุกหลังในโครงการพร้อมเปิดบริษัททำ Solar Roof โดยในปี 2565-2568 ผ่านแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์พบว่าบริษัทได้ขายบ้านไปแล้ว จำนวน 42 โครงการ รวม 4,290 ยูนิต พบว่ามกระบวนการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกแล้ว 6,993 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี
"เมื่อไรก็ตามที่เราทำบ้านสีเขียวและตั้งราคาบ้านแพงเกินกว่าปกติคงไม่มีใครซื้อ ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รักษ์โลก แต่เมื่อไรที่เงื่อนไขการรักษ์โลกแพงเกินไปจะทำให้การรักษ์โลกไม่เกิด" ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
นอกจากนี้ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการความร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจในการดำเนินโครงการบ้าน ธอส.โรงเรียนการเงินปี 2567 ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทต้องการให้ผู้บริโภคเข้าสู่การเป็นเจ้าของบ้านได้โดยไม่ต้องเริ่มกู้ตั้งแต่แรก รวมทั้งส่งเสริมวินัยการออม สร้างความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการและการวางแผนทางการเงินให้แก่ลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการเช่าออมบ้าน ภายใต้คอนเซ็ปต์ LIVNEX ปัจจุบันพบว่ามีลูกค้าในโครงการประมาณ 1,000 ยูนิต
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวต่อว่า หากจะพัฒนาบ้านสีเขียวให้สามารถรักษ์โลกต้องมีราคาแพงมากขึ้น เพราะทุกวันนี้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกรายมีความพร้อมที่จะทำให้บ้านเป็นสีเขียว แต่สิ่งที่ยากที่สุด คือ จะทำอย่างไรให้เซ็กต์เมนท์ที่ใหญ่ที่สุดสามารถเข้าถึงบ้านสีเขียวในราคาที่ไม่แพงได้
นี่คือโจทย์ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท เพราะราคาคือปัจจัยสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในราคาปัจจุบัน หากในความเป็นจริงทำอย่างไรจะทำให้บ้านสามารถรักษ์โลกได้ด้วยง่ายๆราคาไม่แพง ซึ่งวิธีคิดถือเป็นเรื่องสำคัญมาก
โดยโจทย์ของบริษัท คือ ต้องรักษ์โลกได้ในวิธีที่ง่ายและไม่แพง รวมถึงการเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ที่อยู่อาศัยของเราสามารถเป็น Active Citizen ได้
"เราต้องทำให้เขารักษ์โลกได้ง่าย ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญมาก เพราะเราอยากเป็นจุดเล็กๆในไลฟ์สไตล์ที่คนอยากรักษ์โลกไปได้เรื่อยๆ บ้านเป็นเศษ 1ส่วน 3 ของชีวิตเรา ซึ่งบริษัทมีการวัดผลจากลูกค้าในเรื่องนี้ด้วย" ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
อย่างไรก็ดีสิ่งหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงไป คือ Awareness ของผู้บริโภคในช่วงแรกเกี่ยวกับพื้นที่สีเขียวยังไม่ดีเท่านี้ แต่ตอนนี้พบว่าสิ่งที่โลกเจอ ทำให้ผู้บริโภคมีความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงในการเป็นในการ Active Citizen เพื่อให้เขาสามารถอยู่ในพื้นที่สีเขียวได้ เราจะตั้งใจเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือที่ไว้ใจได้ในทุกช่วงชีวิตและตั้งใจพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนในทุกมิติของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด
"การพัฒนาที่ยั่งยืนคือการพัฒนาที่สามารถสนองความต้องการที่จำเป็นของคนรุ่นใหม่ โดยไม่กระทบต่อขีดความสามารถในการสนองความต้องการที่จำเป็นของคนในรุ่นต่อไป" ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
สำหรับบ้านเปลี่ยนโลกได้ถ้าเราเปลี่ยนวิธีคิด บ้านหนึ่งหลังอาจเปลี่ยนโลกไม่ได้ทันทีแต่บ้านพันหลังที่คิดต่าง สามารถสร้างกรเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ ถึงเวลาเลี่ยนมุมมองจากผู้ซื้อบ้านสู่พลเมืองที่ใส่ใจในอนาคต (Active Citizen) เพราะที่บริษัทการสร้างบ้านไม่ใช่แค่การสร้างที่อยู่อาศัย
แต่คือการชวนทุกคนให้มาร่วมรักษ์โลกได้ง่ายๆไปด้วยกันในทุกๆคน ด้านความยั่งยืนของบริษัท คือ The Road To Net Zero โดยตั้งเป้าหมายเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จริงจัง มุ่งมั่นเดินหน้าสู่การเป็น Net Zero อย่างเต็มที่
นอกจากนี้บริษัทได้จัดทำแพลตฟอร์ม ZEROBOARD ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคำนวณและแสดงผลคาร์บอนจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตแบบ Low Carbon
โดยบริษัทได้ลงมือทำจริงวัดจริงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยโลกของเราและยังช่วยส่งเสริมการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันที่ต้องปรับตัวอย่างมากและจากความร่วมมือในครั้งนี้กับ ZEROBOARD เปรีบเสมือนจุดเริ่มต้นของเป้าหมายต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง