net-zero

AIS ชูแนวคิดสัญญาณยืดเวลาโลก วางรากฐานดิจิทัลขับเคลื่อนความยั่งยืน

    AIS เดินหน้าแนวคิด “สัญญาณยืดเวลาโลก” วางรากฐานดิจิทัล ขับเคลื่อนโลกสู่ความยั่งยืน ดึง AI ช่วยจัดการเครือข่าย-พลังงาน ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจาก 25% ภายในปี 2030 พร้อมผนึกกลุ่ม Singtel ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ ของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS  กล่าวในงานสัมมนา “Road to Net Zero 2025: Thailand Green Action” จัดโดย”ฐานเศรษฐกิจ”  ภายใต้หัวข้อ “AIS Signal of Sustainable Future สัญญาณยืดเวลาโลก” ว่า “Signal” หรือ “สัญญาณ”ไม่ได้หมายถึงเพียงสัญญาณเครือข่าย แต่เป็นตัวแทนของพลังเชื่อมต่อผู้คน เทคโนโลยี และความร่วมมือ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในระดับประเทศและระดับโลก โดยมองว่าสัญญาณที่องค์กรส่งออกไปควรต้องเป็นสัญญาณที่มีความหมาย และตอบรับกับสัญญาณจากโลกใบนี้ที่เรียกร้องความร่วมมือและการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

AIS ชูแนวคิดสัญญาณยืดเวลาโลก วางรากฐานดิจิทัลขับเคลื่อนความยั่งยืน

AIS นิยามความหมายของ “สัญญาณ” ออกเป็น 2 แกนหลัก ได้แก่ แกนแรก คือ “สัญญาณจากภายใน” ที่สะท้อนบทบาทของ AIS ในฐานะองค์กรเทคโนโลยี ไม่ใช่แค่โอเปอเรเตอร์  แต่เป็นองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ  (Cognitive  Telco)   ภายใต้วิสัยทัศน์ การขับเคลื่อนธุรกิจดิจิทัลสู่ความยั่งยืน  ผ่านร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ  

AIS ยึดหลักการทำงานภายใต้ 3 แกนยุทธศาสตร์หลัก  ประกอบกด้วย 1. การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล โดยลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี พร้อมพัฒนา Digital Services และ Ecosystem ที่รองรับการใช้งานทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ รวมถึงให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์   และบุคลากรที่มีทักษะดิจิทัล  ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน

 2. การลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล โดย AIS มุ่งส่งเสริม Digital Literacy ผ่านโครงการต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีได้อย่างปลอดภัย รวมถึงสร้างความเข้าใจเรื่องภัยไซเบอร์และกลโกงออนไลน์ อีกทั้งยังมีการขยายสัญญาณไปยังพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสในโลกดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียม

AIS ชูแนวคิดสัญญาณยืดเวลาโลก วางรากฐานดิจิทัลขับเคลื่อนความยั่งยืน และ 3. การรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ AIS ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง  โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจาก 25% ภายในปี 2030   และดำเนินโครงการเพื่อขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาดในทุกภาคส่วนขององค์กร โดยเฉพาะสถานีฐานและศูนย์ข้อมูล (Data Center) พร้อมกันนี้ยังมีการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี เช่น การใช้ AI ในการปรับโหลดพลังงานเครือข่ายให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง

นอกจากนี้ AIS ยังฮับลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ e-Waste  เพื่อนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ ไปกำจัดอย่างถูกวิธี   โดยมีพันธมิตรในประเทศ 240 องค์กร  มีจุดรับ e-Waste มากกว่า  2,700 จุด จำกัดชยะอิเล็กทรอนิกส์แบบถูกวิธี ไปมากกว่า 1 ล้านชิ้น

AIS ชูแนวคิดสัญญาณยืดเวลาโลก วางรากฐานดิจิทัลขับเคลื่อนความยั่งยืน

AIS เชื่อว่าเทคโนโลยี AI ไม่เพียงประยุกต์ใช้งานในธุรกิจ แต่สามารถช่วยรับมือภัยพิบัติ เช่น ระบบอัตโนมัติและ AI คาดการณ์แนวโน้มโครงข่าย ปรับการใช้พลังงาน เมื่อมีเหตุการณ์น้ำหลากในเชียงราย ระบบสามารถแจ้งเตือนและรักษาสถานีฐานไม่ให้ล่ม

ในด้านองค์กร AIS ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์และซัพพลายเชนในการเปลี่ยนมาใช้พลังงานธรรมชาติ วัสดุเป็นมิตรสิ่งแวดล้อมในอาคารสำนักงานและศูนย์ลูกค้า ขยายใช้รถยนต์ไฟฟ้า และส่งเสริม Greener Supply‑chain รวมถึงแนวคิด Green Building เพื่อสร้างเมืองที่ยั่งยืน

สำหรับ “สัญญาณที่สอง” จากโลก คือ ข้อมูลที่บ่งชี้ปัญหาโลก เช่น ขยะอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจะพุ่งถึง 110 ล้านตันในปี 2050 AIS จึงร่วมกับกลุ่ม Singtel  ประกอบด้วย   Bharti Airtel (อินเดีย) ,  Globe Telecom (ฟิลิปปินส์), Telkomsel (อินโดนีเซีย) , Singtel (สิงคโปร์) และ Optus  (ออสเตรเลีย)  จัดแคมเปญระดมรับขยะ e‑Waste นำเข้าสู่การรีไซเคิลอย่างถูกวิธี เพื่อ “ยืดเวลาโลก” โดยสื่อสารว่า ทุกการแยกทิ้งอุปกรณ์ 3 ชิ้น จะช่วยยืดเวลาโลกได้อีกหนึ่งวัน

ความร่วมมือครั้งนี้ นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรับมือกับปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้นในระดับโลก ซึ่งในปัจจุบันมีปริมาณมหาศาลและส่วนใหญ่ยังไม่มีระบบจัดการที่เหมาะสม

นางสายชล  กล่าวต่อไปว่า ทุกก้าวขององค์กรจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน โดยทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของ “สัญญาณแห่งความยั่งยืน” นี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีต้นทุนสูง ขอเพียงมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้น

“เพราะสัญญาณที่เราส่งออกไปวันนี้ คือโอกาสที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับโลกใบนี้ในวันข้างหน้า”