นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS กล่าวว่า “AIS ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ ให้ก้าวล้ำอยู่เสมอ เดินหน้าเสริมศักยภาพเครือข่าย 5G อย่างต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกช่วงเวลา
โดย AIS ได้ทำงานร่วมมือกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เทคโนโลยี 5G+ เข้าถึงผู้ใช้งานได้จริง ด้วยการทดสอบและพัฒนาซอฟต์แวร์ให้รองรับการทำงานแบบ 3CC ทำให้ปัจจุบันมีอุปกรณ์รวมกว่า 600,000 เครื่องที่ได้รับการอัปเดตให้รองรับเทคโนโลยีดังกล่าว ได้แก่ Samsung: Galaxy S24 / S24 FE / S24+ / S24 Ultra, Galaxy S25 / S25 Ultra / S25+, Z Flip6 / Z Fold6 และยังมีสมาร์ทโฟนรุ่นที่สามารถแสดงสัญลักษณ์ “5G+” บนหน้าจอทันทีเมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย AIS ได้แก่ Honor: 400 Pro, Magic 7 Pro iQOO: 13, Neo 10, Z10 5G OPPO: Find N5, X8, X8 Pro, Reno 13 Series Realme: GT 7T และ vivo: V40 5G, V50
อีกหนึ่งนวัตกรรมที่เปิดให้บริการควบคู่กัน คือ VoNR (Voice over New Radio) หรือการโทรด้วยเสียงผ่านเครือข่าย 5G โดยตรง ซึ่งช่วยให้เสียงสนทนาคมชัดระดับ HD โทรติดเร็วขึ้น และใช้งานอินเทอร์เน็ตไปพร้อมกันได้อย่างไม่มีสะดุด
AIS ถือเป็นผู้ให้บริการรายแรกในประเทศไทยที่เปิดใช้ VoNR อย่างสมบูรณ์บนโครงข่าย 5G SA ซึ่งนอกจากจะยกระดับคุณภาพเสียงและความต่อเนื่องในการใช้งานแล้ว ยังโดดเด่นด้วยความสามารถ Dual SIM Dual Active (DSDA) ที่ทำให้สมาร์ทโฟน 2 ซิมสามารถใช้งานดาต้าจากซิมหนึ่งและรับสายจากอีกซิมได้พร้อมกันโดยไม่มีสะดุด
“การเปิดตัว AIS 5G+ พร้อมทั้งการขยายเครือข่าย 5G SA และบริการ VoNR ในครั้งนี้ สะท้อนบทบาทของ AIS ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร ที่มุ่งยกระดับโครงข่ายสู่มาตรฐานใหม่ของประเทศ พร้อมก้าวสู่ยุคใหม่ของการสื่อสารที่รวดเร็ว ทรงพลัง และครอบคลุมทุกพื้นที่การใช้งาน ด้วยแนวคิด “ทุกจุดที่มีคนใช้งาน ต้องมีสัญญาณคุณภาพให้บริการ” โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่ครอบคลุม ให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้าในทุกมิติ” นายวสิษฐ์ กล่าวสรุป