โดยเป็นร่างกฎหมายว่าด้วย การส่งเสริมให้ประชาชนสามารถติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใช้เองได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ลดขั้นตอนการดำเนินงานตามกฎหมายที่บังคับใช้ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า และสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบกิจการ รวมทั้งจะเป็นการสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานสะอาดที่จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์
ล่าสุดทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เตรียมที่จะออกหลักหลักเกณฑ์การอนุญาตสําหรับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน กรณีที่ไม่จําหน่ายเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้า ให้มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลังงานทดแทน เนื่องจากปัจจุบันการผลิตไฟฟ้า มีการดำเนินงานหลากหลายรูปแบบ ที่ผ่านมาไม่มีการประกาศหลักเกณฑ์การอนุญาตสําหรับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่สามารถดําเนินการได้อย่างชัดเจน
ในการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 จึงได้พิจารณากําหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตสําหรับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนกลุ่มดังกล่าว โดยเห็นว่า ภาคเอกชนที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้านอกเหนือจากการใช้ไฟจากการไฟฟ้าฝ่ายจําหน่าย สามารถดําเนินการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองได้ ทั้งการผลิตด้วยตนเองหรือให้ผู้อื่นผลิตให้เพื่อใช้ในกิจการตนเอง (Self-use)
โดยจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่มีของเดิมของการไฟฟ้า และไม่กระทบต่อการใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ของประชาชนที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งแตกต่างกับโครงการที่ผ่านการรับซื้อไฟฟ้าที่มีวัตถุประสงค์เพื่อจําหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้า ที่ถือเป็นสาธารณูปโภคของประเทศ
จึงได้เห็นชอบกําหนดรูปแบบกิจการผลิตไฟฟ้าที่สามารถดําเนินการได้ โดยแบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ โครงการที่อยู่นอกพื้นที่เฉพาะ และโครงการที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะ (ได้แก่ การนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม) โดยโครงการที่อยู่นอกพื้นที่เฉพาะแบ่งได้ 3 รูปแบบ ได้แก่
1.ผลิตไฟฟ้าด้วยตัวเอง (นิติบุคคลเดียว) โดยต้องอยู่ในพื้นที่ของผู้ใช้ไฟฟ้า (พื้นที่ที่ผู้ใช้ไฟฟ้ามีกรรมสิทธิ์) และไม่ผ่านพื้นที่สาธารณประโยชน์และพื้นที่เอกชนอื่น จึงจะสามารถดำเนินการได้
2.ให้ผู้อื่นผลิตไฟฟ้าให้เพื่อใช้ในกิจการของตัวเอง (สองนิติบุคคล) โดยต้องอยู่ในพื้นที่ของผู้ใช้ไฟฟ้าและผู้ใช้ไฟฟ้าต้องยินยอมให้ผู้ผลิตไฟฟ้าเข้าใช้ประโยชน์ในการประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าบนพื้นที่ของผู้ใช้ไฟฟ้า รวมถึงต้องไม่ผ่านพื้นที่สาธารณประโยชน์และพื้นที่เอกชนอื่น จึงจะสามารถดำเนินการได้
3.รูปแบบโครงการที่นอกเหนือจากข้อ 1 และ 2 ดังกล่าว ซึ่งมีการผ่านพื้นที่สาธารณประโยชน์หรือพื้นที่เอกชนอื่น หรืออยู่นอกพื้นที่ผู้ใช้ไฟฟ้าบางส่วน/ทั้งหมด หรือมีการผลิตไฟฟ้าให้แก่ 2 นิติบุคคลขึ้นไปนั้น จะยังไม่สามารถดำเนินการได้
ขณะที่โครงการที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะ (การนิคมอุตสาหกรรม, เขตประกอบการอุตสาหกรรมและสวนอุตสาหกรรม) สามารถดำเนินการได้ ทั้งรูปแบบตามข้อ 1-3 โดยผู้ผลิตไฟฟ้าต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง
สำหรับโครงการที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะบางส่วน เช่น โรงไฟฟ้าอยู่นอกพื้นที่นิคมฯ และมีระบบจำหน่ายไฟฟ้าออกนอกนิคมฯ เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในนิคมฯ เป็นต้น สามารถดำเนินการได้ตามรูปแบบโครงการนอกพื้นที่เฉพาะตามข้อ 1-2
ส่วนการดำเนินโครงการในรูปแบบอื่น ๆ นอกเหนือจากหลักเกณฑ์การอนุญาตดังกล่าวข้างต้น เช่น การซื้อมาขายไป หรือการนำไฟฟ้าไปจำหน่ายต่อให้แก่เอกชนอื่น ,การซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer Energy Trading หรือ กรณีลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้าขายไฟฟ้าคืนให้แก่ผู้ผลิตไฟฟ้า เป็นต้น ยังไม่อนุญาตให้ดำเนินการเป็นการทั่วไป
ทั้งนี้ การออกหลักเกณฑ์การอนุญาตสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองและ/หรือจ้างผู้อื่นผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในกิจการตนเอง (Independent Power Supply: IPS) นี้ ทางสำนักงาน กกพ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม -10 มิถุนายน 2568 เพื่อนำความคิดเห็นมาประกอบในการปรับปรุงหลักเกณฑ์ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง