net-zero

บี.กริมอัดหมื่นล้าน ลุยพลังงานหมุนเวียน ดันกำลังผลิตกว่า 3 พัน MW

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ตั้งเป้าบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ในปี 2593

ทั้งนี้ได้ประกาศแผนกลยุทธ์สำคัญสำหรับปี 2568 ได้แก่ 1.การเติบโตของพลังงานหมุนเวียน และการขยายธุรกิจในระดับโลก 2.มุ่งสู่การเป็นพันธมิตรหลักในการจัดหาพลังงานให้กับ Data Centers ในประเทศไทย และ 3.การจัดสรรเงินทุน (Capital Allocation) อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวและยั่งยืน

นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารงานการเงินและบัญชี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573โดยมีสัดส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมากกว่า 50% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด

ปัจจุบันในไตรมาสแรกปี 2568 บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 6,078 เมกะวัตต์ ใน 15 ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็นสัดส่วนโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติราว 2,920 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วนราว 48 % และพลังงานหมุนเวียนสัดส่วนราว 52 % หรือราว 3,158 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1,688 เมกะวัตต์ พลังงานลม 836 เมกะวัตต์ พลังงานนํ้า 518 เมกะวัตต์ พลังงานแบบผสมผสาน 98 เมกะวัตต์ พลังงานจากขยะอุตสาหกรรม 5 เมกะวัตต์ และ Backup for Power Trading กำลังผลิต 13 เมกะวัตต์

บี.กริมอัดหมื่นล้าน ลุยพลังงานหมุนเวียน ดันกำลังผลิตกว่า 3 พัน MW

 ทั้งนี้ เป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 4,121 เมกะวัตต์ เป็นในส่วนของโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ สัดส่วน 71 % หรือประมาณ 2,920 เมกะวัตต์ และพลังงานหมุนเวียนราว 29% หรือประมาณ 1,201 เมกะวัตต์

ขณะที่มีโรงไฟฟ้าหรือโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา ที่มีระยะเวลาในการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2568-2576 อีกราว 1,957 เมกะวัตต์ อาทิ โครงการผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสาน จังหวัดชลบุรี กำลังผลิต 98 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ IBS จังหวัดสระบุรี กำลังผลิต 76.2 เมกะวัตต์ โครงการจัดหาไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของรัฐบาลปี 2565 (RE 5.2 กิกะวัตต์) จากพลังงานแสงอาทิตย์ 8 โครงการ กำลังผลิตรวม 323.3 เมกะวัตต์

โครงการจัดหาไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของรัฐบาลปี 2565 (RE 2.1 กิกะวัตต์) จากพลังงานแสงอาทิตย์ 5 โครงการ กำลังผลิตรวม 60.9 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานลม ที่เกาหลีใต้ 3 โครงการ รวมกำลังผลิต 760 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานลม Huong Hoa 1 ที่เวียดนาม กำลังผลิต 48.0 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานนํ้า ที่ สปป.ลาว 7 โครงการ รวมกำลังผลิต 452.5 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ARECO กำลังผลิต 65.0 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ที่มีสัญญารวมกำลังผลิต 63 เมกะวัตต์ เป็นต้น

ทั้งนี้ ในช่วงปี 2568 บริษัทจะใช้เงินลงทุนอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างและพัฒนาโครงการ โดยตั้งเป้าหมายเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ใน่วงปีนี้ถึงช่วงต้นปี 2569 ราว 610.5 เมกะวัตต์ ได้แก่ 1.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อู่ตะเภา (เฟส 1) 18 เมกะวัตต์ 2. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม KOPOS 20 เมกะวัตต์ 3. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “อินทรี บี.กริม” 80 เมกะวัตต์

4.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “จงเช่อ รับเบอร์” ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง 35 เมกะวัตต์ 5. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “386” 27.5 เมกะวัตต์ 6. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “ARECO” 65 เมกะวัตต์ และ 7. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง “Nakwol 1” 365 เมกะวัตต์

รวมถึงการใช้เงินสำหรับควบรวมหรือซื้อกิจการ( M&A) กับพันธมิตรที่อยู่ระหว่างการศึกษาราว 2-3 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าโครงการละประมาณ 400-600 เมกะวัตต์

 ในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ เชื่อมเข้าระบบรวม 40-50 เมกะวัตต์ ที่ส่วนใหญ่จะมาจากลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะที่มีการขยายพื้นที่อีกราว 6 พันไร่ โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่ม Data center ที่อยู่ระหว่างการเจรจา 3-4 ราย ที่คาดว่าภายในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ น่าจะได้กำลังผลิตราว 25 เมกะวัตต์ และคาดว่าจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปีนี้ได้ราว 400-500 เมกะวัตต์ โดยหลักจะมาจากการลงทุนในไทย ฟิลิปปินส์ เกาหลี และญี่ปุ่น เป็นต้น

ทั้งนี้ ในรายงานของบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ ระบุว่า สำหรับการขยายการลงทุนระยะยาว บริษัท ยังเน้นการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นไปที่ประเทศในอาเซียน เอเชีย รวมทั้งยุโรปและ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย โดยในส่วนของเกาหลีใต้ ตั้งเป้าขยายกำการผลิตสู่ 1,000 เมกะวัตต์ ภายใน 5 ปี ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ส่วนสหรัฐอเมริกา มีเป้าหมายจะขยายการลงทุนทั้งพลังงานนํ้า พลังงานแสงอาทิตย์ และระบบกักเก็บพลังงาน ในช่วง 5 ปี ด้วยกำลังการผลิตราว 500 เมกะวัตต์

 ขณะที่อิตาลี มีเป้าหมายระยะยาว ในการเปิดดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุุนเวียนรวม 500 เมกะวัตต์ และระบบกักเก็บพลังงาน 1,000 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ภายในปี 2573 และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)มีแผนขยายกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สู่ 300 เมกะวัตต์ ภายใน 5 ปี เป็นต้น