net-zero

โลกร้อนกำลังมุ่งสู่ 2.7 องศา เลี่ยงหายนะได้ แต่ยังไกลจากเป้าหมาย

โลกกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ภาวะโลกร้อนระดับ 2.7 องศา ภายในศตวรรษนี้ แม้ยังพอมีทางหลีกเลี่ยงจุดเลวร้ายที่สุด แต่อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นสัญญาณเตือนที่น่ากังวล

แม้ว่าโลกอาจหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดได้ แต่แนวโน้มในศตวรรษนี้ยังคงน่ากังวล อุณหภูมิเฉลี่ยอาจพุ่งแตะ 2.7องศา ภายในปี 2100 ซึ่งถือเป็นระดับอันตรายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก

ท่ามกลางสถิติอุณหภูมิร้อนจัดบนบกและในมหาสมุทร และเหตุการณ์สุดขั้วที่ทวีความรุนแรงขึ้น การดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศเริ่มถูกตั้งคำถาม เมื่อสหรัฐอเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงปารีสอีกครั้ง

ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2558 ข้อตกลงปารีสตั้งเป้าจำกัดภาวะโลกร้อนไม่ให้เกิน 2 องศา และในอุดมคติคือ 1.5 องศา แต่เกือบ 10 ปีให้หลัง เป้าหมาย 1.5 องศา ดูจะไกลเกินเอื้อม

แม้ยังไม่สามารถควบคุมภาวะโลกร้อนให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยได้ แต่พลังงานหมุนเวียน การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน และมาตรการอื่น ๆ ทำให้โลกไม่ดำดิ่งสู่จุดที่เลวร้ายที่สุด เช่น การเร่งใช้น้ำมันและถ่านหินในวงกว้าง ซึ่งแทบไม่อาจเกิดขึ้นได้แล้วในสถานการณ์ปัจจุบัน

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมในปี 1850 โดยคาร์บอนไดออกไซต์ เป็นก๊าซหลักที่มีส่วนทำให้โลกร้อน รองลงมาคือมีเทนและไนตรัสออกไซด์ ซึ่งกักเก็บความร้อนไว้ในชั้นบรรยากาศ

ในปี 2023 คาร์บอนไดออกไซต์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก 41% มาจากถ่านหิน 32% จากน้ำมัน และ 21% จากก๊าซธรรมชาติ

ปี 2024 ถูกยืนยันว่าเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ระบุว่าโลกแตะอุณหภูมิ 1.5 องศา ชั่วคราวเมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน คลื่นความร้อน น้ำท่วม และพายุไซโคลนรุนแรงก็เกิดถี่และรุนแรงขึ้น

คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ใช้แบบจำลอง RCP (Representative Concentration Pathways) แบ่งเป็น 4 สถานการณ์ ตั้งแต่การดำเนินการเข้มข้น (RCP 2.6) จนถึงไม่ดำเนินการใด ๆ (RCP 8.5) ปัจจุบันโลกกำลังเดินหน้าอยู่ระหว่าง RCP 2.6 ถึง 4.5 ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิเพิ่มราว 2.7 องศา 

ภายในปี 2100 เเละยังมีการพัฒนาเส้นทางทางสังคม-เศรษฐกิจ-การเมืองอีก 5 แบบ ซึ่งสถานการณ์ที่โลกกำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันคือเส้นทางกลาง ๆ ที่มีการพัฒนาไม่สม่ำเสมอและการใช้พลังงานลดลงบ้างแต่ยังไม่มากพอ

แม้แบบจำลองนี้มีอายุกว่า 10 ปีแล้ว แต่ยังสะท้อนความเป็นจริงอยู่มาก นักวิจัยจึงได้สร้างแบบจำลองโลกเดียว เพื่อร่างทางเลือกใหม่ที่เข้มข้นกว่า RCP 2.6 โดยจำกัดงบประมาณคาร์บอนไว้ที่ 450 กิกะตัน ก่อนจะเข้าสู่เป้าหมาย Net Zero

ใครปล่อยมากที่สุด

แม้สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และจีน จะมีประชากรรวมกันเพียง 28% ของโลก แต่กลับปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 56% ของปริมาณสะสมทั้งหมด (926 กิกะตัน) หากต้องการจำกัดโลกร้อนไม่เกิน 1.5 องศา ต้องจำกัดคาร์บอนที่ปล่อยได้อีกเพียง 243 กิกะตัน เท่านั้น และจีนต้องมีส่วนร่วมสูงสุด

หากโลกต้องการหลีกเลี่ยงภาวะโลกร้อนเกิน 1.5 องศา จะต้องใช้พลังงานสะอาด 100% และเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมดภายในปี 2050 พร้อมกับหยุดการตัดไม้ทำลายป่า

จุดสูงสุดของการปล่อย เรามาถึงแล้วหรือยัง

แม้ภาพรวมการปล่อยก๊าซยังไม่นิ่ง แต่หลายประเทศเริ่มเห็นการลดลงอย่างชัดเจน

  • สหภาพยุโรป ลดลง 8.3% ในปี 2023 จากปี 2022 ขณะที่ GDP โตขึ้น 68% ตั้งแต่ปี 1990
  • ออสเตรเลีย ลดลง 28.2% จากระดับปี 2005
  • สหรัฐฯ ลดลง 20% จากระดับปี 2005
  • จีน เริ่มลดการปล่อยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แม้ความต้องการพลังงานยังเพิ่มขึ้น จีนซึ่งปล่อยคาร์บอนราว 31% ของโลกรวม เป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถชี้ชะตาโลกร้อนได้โดยตรง

IPCC ระบุว่าเพื่อจำกัดอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 องศา การปล่อยก๊าซจะต้องถึงจุดสูงสุดภายในปี 2025 และอาจเกิดขึ้นภายในปีนี้

แม้ยังมีข่าวร้ายรายวัน แต่สัญญาณดีเริ่มชัดเจน ปี 2024 พลังงานหมุนเวียนคิดเป็นกว่า 90% ของการเติบโตการผลิตไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้ามีต้นทุนที่แข่งขันได้ ปั๊มความร้อนและโซลาร์เซลล์เติบโตอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีที่จำเป็นเริ่มราคาถูกและแพร่หลาย อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน