เอลนีโญฟาดหาง อินโดฯ-เวียดนาม-ฟิลิปปินส์ เตรียมรับมือปัญหาผลผลิตข้าว

11 ต.ค. 2566 | 07:32 น.

ปรากฏการณ์เอลนีโญเริ่มก่อให้เกิดกระแสความกังวลขึ้นในเอเชีย และสร้างความกดดันให้กับตลาดข้าวที่กำลังเผชิญกับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญเป็นครั้งแรก

 

สภาพอากาศที่แห้งแล้ง มากขึ้นจาก ปรากฏการณ์เอลนีโญ กำลังเป็นภัยคุกคามที่จะทำให้ สถานการณ์ตลาดข้าว ที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้วเป็นทุนเดิมจากข้อจำกัดการส่งออกข้าวของอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น โดยการสูญเสียผลผลิตใด ๆ ก็ตามอาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อภาวะอุปทานตึงตัวทั่วโลก และอาจเป็นตัวกระตุ้นให้ ราคาข้าวพุ่งขึ้น อีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบเกือบ 15 ปีเมื่อเร็ว ๆ นี้

บรรดาประเทศต่าง ๆ ทั่วเอเชียรับรู้ได้ถึงสัญญาณเตือนภัยจากปรากฏการณ์เอลนีโญ โดย...

  • อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่กล่าวว่า การผลิตข้าวในประเทศอาจได้รับผลกระทบเล็กน้อย
  • ในขณะที่ เวียดนาม แจ้งให้เกษตรกรรีบปลูกข้าวให้เร็วกว่าปกติเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการขาดแคลนน้ำ
  • ส่วน ฟิลิปปินส์ กำลังให้ความช่วยเหลือชาวนาในการรับมือกับสภาพอากาศขณะที่เงินเฟ้อจากราคาข้าวพุ่งขึ้น

เวียดนามแจ้งให้เกษตรกรรีบปลูกข้าวให้เร็วกว่าปกติเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการขาดแคลนน้ำ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความกังวลเรื่องสภาพอากาศที่แพร่กระจายไปทั่วตลาดข้าวเป็นสัญญาณแรกที่บ่งบอกถึงความกังวลอย่างแท้จริงที่มีต่อผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ โดยเอลนีโญเป็นปรากฏการณ์ทางภูมิอากาศที่เกิดขึ้นเป็นวัฏจักรและอาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น พืชผลเสียหาย ผลกระทบต่อระบบส่งไฟฟ้า ผลกระทบต่อการทำประมง และตัดการเข้าถึงเหมืองแร่ เนื่องจากน้ำท่วมทั่วทั้งภูมิภาคในเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้

นายมูฮาหมัด ชากีริน มิสปัน รองศาสตราจารย์ประจำสถาบันวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มหาวิทยาลัยมาลายากล่าวว่า "พืชผลหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพืชที่ต้องพึ่งพาน้ำเป็นอย่างสูง จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปรากฏการณ์เอลนีโญ" พร้อมกล่าวเสริมว่า ผลผลิตที่ลดลงจากบรรดาประเทศผู้ผลิตรายหลักจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุปทานข้าวทั่วโลก ซึ่งปัญหานี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น แต่จะส่งผลกระทบไปทั่วโลกด้วย

ภัยแล้งกระทบทั้งพืชผลการเกษตรและปศุสัตว์

จะแก้ไขและปรับตัวกันอย่างไร

ตลาดข้าวเผชิญกับความปั่นป่วนมาหลายสัปดาห์ หลังจากที่อินเดียเพิ่มข้อจำกัดในการส่งออกข้าวเมื่อปลายเดือนก.ค. โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความกังวลแก่รัฐบาลของบรรดาประเทศต่าง ๆ ในเอเชียและแอฟริกา นำไปสู่การหารือด้านการทูตและข้อตกลงหลายประการเกี่ยวกับอุปทานข้าว

นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้มีการเตือนเรื่องการกักตุนข้าว และยิ่งส่งผลให้ราคาข้าวในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียพุ่งสูงขึ้น

โดยทั่วไปแล้ว ปรากฏการณ์เอลนีโญจะก่อให้เกิดสภาพอากาศร้อนและแห้งกว่าปกติทั่วในหลายพื้นที่ทั่วเอเชีย และอาจนำไปสู่การเกิดภัยแล้งและไฟป่าได้

อินโดนีเซียได้วางแผนที่จะนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นในปีนี้และปีหน้า และกล่าวว่า ผลผลิตข้าวในปี 2566 อาจลดลง 1.2 ล้านตัน ส่วนการผลิตข้าวเปลือกคาดว่าจะอยู่ที่ 54.5 ล้านตัน ซึ่งต่ำกว่าปี 2565 เล็กน้อย

ทางด้านเวียดนามซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ได้แจ้งแก่เกษตรกรในพื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงให้เริ่มปลูกข้าวตั้งแต่ต้นเดือนนี้(ต.ค.) แทนที่จะเป็นเดือนพ.ย. โดยคำสั่งดังกล่าวมีขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำจากปรากฏการณ์เอลนีโญ จนกว่าจะถึงช่วงสิ้นสุดการเก็บเกี่ยว

ทั้งนี้ ผลผลิตข้าวในพื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงคิดเป็น 26% ของผลผลิตข้าวของภูมิภาคเอเชียในช่วงฤดูหนาวถึงฤดูใบไม้ผลิ