ส่องนวัตกรรม "นมทางเลือก" เพิ่มมูลค่ามุ่งสร้างความมั่นคงทางอาหาร

11 มิ.ย. 2566 | 02:28 น.

ส่องนวัตกรรม "นมทางเลือก" เพิ่มมูลค่ามุ่งสร้างความมั่นคงทางอาหาร พร้อมเดินหน้าลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ผู้รักการดื่มนมในทุกช่วงวัย สอดรับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดมุมสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์นมที่หลากหลายทั้งคุณค่าทางโภชนาการที่เพิ่มขึ้น การลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ผู้รักการดื่มนมในทุกช่วงวัย

เมื่อช่วงปี 2546 ประเทศไทยได้ทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และมีการเปิดเสรีสินค้านมและผลิตภัณฑ์

ดังนั้น หากต้องการให้เกษตรกรวัวนมไทยอยู่รอดและแข่งขันในตลาดโลกได้ จำเป็นต้องผลิตน้ำนมดิบให้มีคุณภาพ และต้องเป็นอินทรีย์เท่านั้น

จึงเป็นที่มาให้ บริษัท แดรี่โฮม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด มุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมอินทรีย์ที่มาจากกระบวนการเลี้ยงโคนมแบบออร์แกนิค ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ใช้สารเคมี

ตามแนวคิดต์ที่ว่าหากทำให้วัวมีความสุข ผู้บริโภคก็จะได้ดื่มน้ำนมที่อร่อย อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนอาหารสัตว์ เพราะใช้หญ้าที่ปลูกเอง ใช้แรงงานจากเกษตรกรในการดูแล

น้ำนมที่ได้ถูกนำมาผ่านขั้นตอนการผลิตที่มุ่งป้องกันการปล่อยคาร์บอน มีการใช้พลังงานสะอาด ทั้งพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และมีการจัดการของเสียอย่างเป็นระบบ

โดยได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงพาณิชย์ให้เข้ามาเป็นหนึ่งในสินค้าของโครงการ Local BCG Plus เนื่องจากเห็นว่าเป็นสินค้าที่ตรงตามเป้าหมาย และมีศักยภาพในการขยายตลาดได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ปัจจุบันแดรี่โฮมมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายทั้งนมและโยเกิร์ต โดยเกิดจากงานวิจัยทั้งที่ทำเองภายในบริษัท และจากสถาบันการศึกษา เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิต และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่

ทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณประโยชน์สูงและสร้างความสนใจให้กับผู้บริโภคได้อยู่เสมอ เช่น นมก่อนนอน ที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับคนนอนไม่หลับ เพราะมีสารเมลาโทนินธรรมชาติสูง ทำให้สมองได้รับความผ่อนคลาย มีไขมันต่ำ ดื่มได้ทุกวัน

ผลิตภัณฑ์นมเพื่อสุขภาพช่องปาก ป้องกันฟันผุ ในรูปแบบโยเกิร์ตพร้อมดื่ม และนมอัดเม็ด จากเชื้อโปรไบโอติกป้องกันฟันผุ

ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถูกพัฒนาต่อยอดมาจากงานวิจัยของสถาบันวิจัยโรคที่พบบ่อยในช่องปากและวิทยาการระบาด คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

อย่างไรก็ดี ภาวะย่อยน้ำตาลแลคโตสบกพร่อง หรือแพ้แลกโทส (Lactose Intolerance) เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในผลิตภัณฑ์นมได้

มีการคาดการณ์ว่ามีผู้แพ้แลคโตสมากถึง 70-75% ของจำนวนประชากรโลก และพบบ่อยในชาวเอเชีย แต่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังสามารถดื่มนมได้ เพราะปัจจุบันมีนมชนิดอื่นมาทดแทน เช่น นมจากเนื้อไก่ นมจากพืช หรือ Plant-based milk

อย่าง “น้ำนมข้าวยาคูออร์แกนิค Diamond Fresh” ที่สกัดจากเมล็ดข้าวอ่อนหอมมะลิ 105 และข้าวไรซ์เบอรี่คัดพิเศษที่อยู่ในระยะน้ำนมที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งเป็นระยะที่สร้างคุณประโยชน์มากมาย

ดังนั้น น้ำนมข้าวยาคูออร์แกนิคของไดมอนด์ เฟรช เป็นผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารสูง มีเปปไทด์สายสั้นที่ดูดซึมง่ายและมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้เป็นอย่างดี มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค

นอกจากนี้ ยังช่วยลดปัญหาของราคาผลผลิตในอนาคต เพราะการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอินทรีย์ อาจทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่มากกว่าความต้องการของตลาด

ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทฯ ซึ่งมีเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรในระบบเกษตรอินทรีย์ จึงได้หาช่องทางผลักดันให้เกษตรกรไทยสามารถสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ได้มาตรฐานระดับนานาชาติ

เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับเกษตรกรให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวอินทรีย์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดการขยายตัวได้อย่างยั่งยืน

น้ำนมข้าวยาคูออร์แกนิคไดมอนด์ เฟรช จากแปลงนาเกษตรอินทรีย์แท้ 100% เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานออร์แกนิคมาครอบครอง

ปัจจุบันมีผู้บริโภคที่แพ้นมวัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในจำนวนนี้ 15–20% มีแนวโน้มที่จะแพ้นมถั่วเหลือง รวมถึงกลุ่มที่รับประทานอาหารเจและมังสวิรัติที่มีเพิ่มมากขึ้น จึงส่งผลให้ผลิตภัณฑ์อาหาร และเครื่องดื่มจากพืชได้รับความสนใจตามไปด้วย

บริษัท เซซามิลค์ ฟู้ดส์ จำกัด จึงมุ่งวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค โดยใช้กระบวนการสกัดคุณค่าและคุณประโยชน์จากเมล็ดงาพันธุ์ไทยเกรดพรีเมี่ยมออกมาได้มากที่สุดในรูปแบบของ “น้ำนมงา 100%”

ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์น้ำนมงาขาว อุดมไปด้วยสารอาหารและเซซามินสูงถึง 392.4 มิลลิกรัมต่อ 200 มิลลิลิตร และน้ำนมงาดำที่มีรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ

โดยมีจุดเด่น คือ มีแคลเซียมสูง โฟโตสเตอรอล แมกนีเซียม สังกะสี และใยอาหาร โดยในผลิตภัณฑ์มีปริมาณเซซามิน 30 มิลลิกรัมต่อ 200 มิลลิลิตร เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ เพราะเป็นเครื่องดื่มที่มีปริมาณโซเดียมต่ำ 

ล่าสุดสามารถส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่เดิมใช้วัตถุดิบจากนมวัวหรือนมถั่วเหลือง มีความสนใจในผลิตภัณฑ์

แต่ต้องการในรูปแบบที่มีความเข้มข้นพอเหมาะ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมได้ง่าย บริษัทจึงได้วิจัยและพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม

โดยนำงาขาวและงาดำมาสกัดด้วยวิธีและสภาวะที่เหมาะสม จนได้เป็นน้ำนมเข้มข้นจากนั้นจึงเติมสารให้ความคงตัวและผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ จนได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นเหมาะสม สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมได้ง่ายยิ่งขึ้น