“โคเนื้อภูพาน” ทางเลือกเกษตรกร รายได้สูง เสริมความมั่นคงด้านอาหาร

02 มิ.ย. 2566 | 00:42 น.

รู้จัก “โคเนื้อภูพาน” โคเนื้อคุณภาพดี มีราคาสูง สามารถเลี้ยงได้ทั่วไทย สายพันธุ์โคทางเลือกสำหรับเกษตรกรที่ต้องการสร้างอาชีพ รายได้สูง และเสริมความมั่นคงด้านอาหารของประเทศไทย

ปัจจุบัน ความต้องการบริโภคเนื้อวัวเพิ่มมากขึ้น ตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ประกอบเข้าด้วยกัน โดยความต้องการของตลาดในการบริโภคเนื้อวัว แบ่งได้ 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มตลาดบน กลุ่มตลาดกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่มาก และกลุ่มตลาดล่าง โดยกลุ่มตลาดบน มีความต้องการบริโภคเนื้อโคขุนในระดับคุณภาพเกรด 3.5 – 4.5 ประมาณการราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 5,000 - 20,000 บาท 

โดยหนึ่งในโคเนื้อคุณภาพดี นั่นคือ สายพันธุ์โคทาจิมะ หรือ โคเนื้อทาจิมะ เรียกอีกชื่อว่า Japanese Black หรือ wagyu เป็นโคเนื้อสายพันธุ์ญี่ปุ่น ที่มีความเป็นเลิศสายพันธุ์หนึ่ง ที่รู้จักกันดีทั่วโลกในชื่อ เนื้อโกเบ (Kobe Meat) หรือ เนื้อมัตสึซากะ (Matsusaka Meat)  

ทำให้คนในวงการผู้บริโภคเนื้อต่างพูดถึงและให้คำนิยามว่า เป็นเนื้อพิเศษที่มีความนุ่มละมุนลิ้นชนิดละลายในปาก และต้องสรรหามาลิ้มลองรสชาติให้ได้สักครั้งในชีวิต ส่งผลให้เนื้อชนิดนี้มีราคาแพงมาก หรือเรียกได้ว่ามีราคาแพงสุดในโลกเลยทีเดียว 

 

ภาพประกอบข่าว “โคเนื้อภูพาน” เป็นโคเนื้อคุณภาพดี สายพันธุ์โคทาจิมะ

โคเนื้อทาจิมะ ในประเทศไทย

สำหรับ โคเนื้อทาจิมะ ในประเทศไทยสามารถเลี้ยงได้แล้ว เมื่อปี 2531 โดย Mr. Nishida ผู้แทนสมาคม น้อมเกล้าถวายฯ โควากิว สายพันธุ์ทาจิมะ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สยามบรมราชกุมารี 1 คู่ (ผู้ 1 ตัว เมีย 1 ตัว) 

ก่อนพระราชทานต่อให้กรมปศุสัตว์ ร่วมกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศึกษาความเป็นไปได้ในการเลี้ยงและพัฒนาสายพันธุ์ให้เหมาะสมกับสภาพการเลี้ยง การจัดการของเกษตรกรในประเทศไทย 

รวมถึงได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานชื่อใหม่ ให้เป็น “โคเนื้อภูพาน” เป็นโคเนื้อคุณภาพดี มีราคา เลี้ยงได้ทั่วไทย นับเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์โคทางเลือกสำหรับเกษตรกรที่ต้องการสร้างอาชีพได้เป็นอย่างดี

 

“โคเนื้อภูพาน” เป็นโคเนื้อคุณภาพดี สายพันธุ์โคทาจิมะ

ลักษณะเด่นของโคเนื้อภูพาน

ลักษณะเด่นของโคเนื้อภูพานนั้น พบว่า มีจุดเด่นคือ มีขนปกคลุมร่างกายสีดำ มีหลังตรง คอสั้น หูเล็ก เหนียงคอหย่อนยานเล็กน้อย โดยเพศผู้น้ำหนักโตเต็มที่ 700 กิโลกรัม เพศเมียน้ำหนักเต็มที่ 550-600 กิโลกรัม มีไขมันแทรกในกล้ามเนื้อสูง เป็นสัดครั้งแรกที่อายุประมาณ 14 เดือน และยังทนทานต่อสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

ลักษณะเนื้อของโคเนื้อภูพาน มีความนุ่มไขมันแทรกเกรดสูง จุดเด่นที่สำคัญของโคเนื้อภูพานคือมีสัดส่วนของกรดไขมันไม่อิ่มตัว โดยมีกรดไขมันอิ่มตัวสูงกว่าโคทั่วไปคือเท่ากับ 2.0 : 2.2 ขณะที่โคทั่วไปมีสัดส่วนเท่ากับ 1.8 : 2.2 ซึ่งกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวมีผลทำให้เนื้อโคเนื้อภูพานปลอดภัยต่อการบริโภค

ต้นทุนการผลิตและผลตอบแทน

ต้นทุนการผลิตโคเนื้อจะสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้

1.ราคาอาหารข้นที่เลี้ยงโค ถ้าเกษตรกรสามารถหาซื้ออาหารข้น หรือวัตถุดิบที่ใช้เป็นอาหารข้นเลี้ยงโคได้ในราคาถูกต้นทุนการผลิตโคเนื้อจะต่ำ

2.ช่วงระยะห่างของการให้ลูก (calf interval) การเลี้ยงโคที่มีระยะการให้ลูกห่างจะทำให้มีต้นทุนการผลิตสูงกว่าการเลี้ยงโคที่มีระยะการให้ลูกไม่ห่าง โดยปกติโคจะกลับมาเป็นสัด (heat) และสามารถผสมติดได้ภายในระยะเวลา 60-90 วันหลังจากการคลอด สาเหตุที่ทำให้แม่โคมีระยะเวลาการให้ลูกห่างอาจเกิดมาจากสาเหตุหลายประการ เช่น แม่โคมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ เจ็บป่วย ขาดอาหาร หรือถึง ระยะเวลาเป็นสัดแล้วไม่ได้รับการผสมพันธุ์

3.พันธุกรรมของโค การเลี้ยงโคที่มีพันธุกรรมไม่ดี เช่น มีอัตราการเจริญเติบโตต่ำ มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อต่ำ ผสมติดยาก จะทำให้การเลี้ยงโคมีต้นทุนการผลิตสูง

4.ราคาต้นทุนโคที่ซื้อมาเลี้ยง ถ้าสามารถจัดหาซื้อโคที่มีคุณภาพดี ราคาถูก จะทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำ

 

“โคเนื้อภูพาน” เป็นโคเนื้อคุณภาพดี สายพันธุ์โคทาจิมะ

 

ต้นทุนในการผลิตลูกโคเนื้อภูพาน

สำหรับต้นทุนในการผลิตลูกโคเนื้อภูพานเพื่อจำหน่าย แบ่งประเภทของการเลี้ยงได้ ดังนี้

1.การเลี้ยงแบบประณีตมีการปลูกหญ้าสดไว้ให้โคกิน เสริมด้วยอาหารข้น จะมีต้นทุนการผลิตลูกโคประมาณ 9,000 บาทต่อตัว

2.การเลี้ยงแบบกึ่งประณีต มีการปลูกหญ้าสดไว้ให้โคกินอย่างเดียวจะมีต้นทุนการผลิตลูกโคประมาณ 7,000 บาทต่อตัว

3.การเลี้ยงแบบไล่ทุ่ง ต้อนกินหญ้าธรรมชาติ จะมีต้นทุนการผลิตลูกโค ประมาณ 5,000 บาทต่อตัว

ส่วนการคำนวณต้นทุนแม่พันธุ์โคตัวละ 20,000 บาท โดยแม่โคให้ลูกปีละ 1 ตัว เกษตรกรสามารถจำหน่ายลูกโค ได้ในราคาตัวละประมาณ 15,000 บาท และจะมีรายได้เพิ่มเติมจากการจำหน่ายมูลโคแห้งประมาณ 4,000 บาทต่อปี อย่างไรก็ตามต้นทุนและผลตอบแทน ดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงไปตามแหล่งที่เลี้ยงและสภาวะการตลาดรวมทั้งขนาดการผลิต

ชมพื้นที่เลี้ยงโคต้นน้ำ ทองแสนขันวากิว

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ได้เดินทางลงพื้นที่ ชนะฟาร์ม กองทุนหมู่บ้านถ้ำดิน หมู่ 11 ตำบลบ่อทอง อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ 

ทั้งนี้เพื่อเยี่ยมชมการเพาะพันธุ์โคของวิสาหกิจชุมชนทาจิมะถ้ำดิน หรือ อีกชื่อหนึ่งคือ ทองแสนขันวากิว ที่มีการเลี้ยงโคต้นน้ำ หรือ โคเนื้อพันธุ์วากิวลูกผสม (ทาจิมะภูพาน) จํานวน 110 ตัว ในพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ปัจจุบันมีเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 1 ล้านบาทต่อปี

สำหรับการเพาะพันธุ์โคของวิสาหกิจชุมชนทาจิมะถ้ำดินนั้น เป็นหนึ่งในโครงการภายใต้ “โคล้านครอบครัว” สำหรับสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน ฯ โดยมุ่งให้ความรู้ประชาชนด้านการทำปศุสัตว์ เพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน ต่อยอดสู่ความร่ำรวย อันจะทำให้หลุดพ้นจากความยากจนได้ในอนาคต ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งช่วยส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน

ข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.)