In Brief
น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดของภาคใต้ได้ทำให้ระบบโทรคมนาคมพื้นที่จำนวนมากหยุดชะงัก ทั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ที่ถูกน้ำท่วมขัง สายไฟเบอร์ออปติกที่ขาด หรือระบบสำรองไฟฟ้าที่ไม่สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง สถานการณ์ดังกล่าวทำให้หน่วยกู้ภัยและประชาชนในบางเขตประสบปัญหาการสื่อสารอย่างหนัก กระทั่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประสานงานกับบริษัท SpaceX เพื่อขอรับการสนับสนุนระบบอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink มาใช้เป็นเครือข่ายสำรองเฉพาะพื้นที่ภัยพิบัติ โดย กสทช. อนุญาตให้นำเข้าอุปกรณ์ภายใต้กรอบ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ใช่เหตุการณ์ใหม่ในระดับโลก แต่เป็นแนวปฏิบัติที่หลายประเทศใช้เมื่อโครงสร้างสื่อสารภาคพื้นดินเสียหายในระดับที่การติดต่อสื่อสารพื้นฐานไม่สามารถดำเนินต่อได้ รายงานพิเศษฉบับนี้จึงพาไปสำรวจภาพรวมของเทคโนโลยี Starlink หลักฐานการใช้งานจริงในเหตุการณ์ฉุกเฉินระดับโลก และความหมายต่อการจัดการความเสี่ยงด้านโครงข่ายสื่อสารของประเทศไทยในอนาคต
Starlink เป็นบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของบริษัท SpaceX โดยใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit: LEO) ในระดับความสูงประมาณ 550 กิโลเมตร ซึ่งต่ำกว่าดาวเทียมสื่อสารแบบค้างฟ้าหรือ GEO (Geostationary Orbit) ที่อยู่สูงถึง 35,786 กิโลเมตร ทำให้ความหน่วงของสัญญาณ (latency) ลดลงอย่างมากและรองรับการใช้งานแบบเรียลไทม์ได้ดีกว่า
เครือข่ายดาวเทียมของ Starlink ประกอบด้วยดาวเทียมหลายพันดวงที่โคจรปกคลุมทั่วโลกและเชื่อมต่อกันด้วยลิงก์เลเซอร์ระหว่างดาวเทียม (Inter-satellite laser link) ก่อนส่งข้อมูลมายังสถานีภาคพื้นดิน (Ground Station) แล้วกระจายเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตหลัก กลไกนี้ทำให้ Starlink ยังคงทำงานได้แม้โครงสร้างพื้นดินบางส่วน หรือทั้งระบบในบางพื้นที่ ไม่สามารถใช้งานได้จากผลกระทบของภัยพิบัติ
การใช้งานภาคพื้นต้องใช้เพียง “จานรับสัญญาณ” หรือ User Terminal ซึ่งสามารถติดตั้งได้เองและค้นหาดาวเทียมใกล้ที่สุดโดยอัตโนมัติ ความเร็วในการใช้งานทั่วไปที่ถูกรายงานในหลายประเทศอยู่ระหว่าง 50–200 Mbps โดยมีค่า Latency ประมาณ 20–40 มิลลิวินาที
การใช้ Starlink ในพื้นที่ภัยพิบัติไม่ใช่เรื่องใหม่ หลักฐานจากหลายประเทศสะท้อนบทบาทของดาวเทียม LEO ที่ทำงานได้แม้ระบบภาคพื้นดินจะถูกทำลายอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะจากสงครามหรือภัยธรรมชาติ
ยูเครน ระบบสื่อสารทหาร พลเรือนที่ยังคงทำงานแม้โครงสร้างพื้นดินถูกโจมตี
เมื่อรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนในปี 2022 เสาส่งสัญญาณและระบบโทรคมนาคมหลายพื้นที่ถูกทำลาย รัฐบาลยูเครนร้องขอความช่วยเหลือจาก SpaceX และได้รับอุปกรณ์ Starlink จำนวนหลายพันชุดเพื่อนำมาใช้ในหน่วยงานรัฐ โรงพยาบาล และพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร Reuters รายงานว่า Starlink กลายเป็นหนึ่งใน “โครงสร้างสื่อสารที่สำคัญที่สุดของยูเครน” ในสงครามครั้งนั้น
ฮาวาย ไฟป่าที่เผาทำลายโครงสร้างโทรคมนาคม แต่ Starlink ทำให้ศูนย์อพยพกลับมามีอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง
ไฟป่าบนเกาะเมาวีในปี 2023 เผาทำลายสายไฟ ถนน และสถานีโทรคมนาคมหลายจุด รายงานของ AP News ระบุว่า SpaceX ส่งชุดอุปกรณ์มากกว่า 650 ชุด ไปยังฮาวาย เพื่อนำไปติดตั้งในโรงพยาบาล ศูนย์อพยพ และหน่วยดับเพลิง ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้แม้ไม่มีเสาสัญญาณมือถือ
ฟลอริดา พายุเฮอริเคน “เอียน” ทำให้โครงสร้างพื้นฐานล่ม ต้องใช้ Starlink ฟื้นระบบสื่อสาร
ในปี 2022 พายุเฮอริเคน “เอียน” สร้างความเสียหายแก่โครงสร้างโทรคมนาคม ซื้อเวลาในการซ่อมแซมเป็นสัปดาห์ SpaceX ส่งอุปกรณ์ Starlink มากกว่า 120 ชุด ให้กับหน่วยงานรัฐของฟลอริดา และปรับตำแหน่งดาวเทียมเพื่อเพิ่มความครอบคลุมสัญญาณในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ทำให้การสื่อสารในศูนย์อพยพหลายแห่งกลับมาทำงานได้อีกครั้ง
ตองกา ภูเขาไฟใต้น้ำระเบิด ตัดทั้งประเทศออกจากอินเทอร์เน็ตโลกในทันที
เมื่อต้นปี 2022 ภูเขาไฟใต้น้ำตองกา–ฮุงกา ฮาอาปาย ระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้สายเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมตองกากับโลกภายนอกขาดทั้งหมด ประเทศจึง “หายจากอินเทอร์เน็ตโลก” เกือบทั้งประเทศ SpaceX จัดส่งอุปกรณ์ Starlink ให้รัฐบาลตองกา พร้อมตั้งสถานีภาคพื้นดินชั่วคราวในประเทศฟิจิ เพื่อให้ตองกาฟื้นฟูการติดต่อกับต่างประเทศระหว่างรอซ่อมเคเบิล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง