สำนักงานการบินพลเรือนสิงคโปร์ (CAAS) ระบุว่า ผู้โดยสารที่เดินทางออกจากประเทศสิงคโปร์จะต้องจ่าย “ค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิงยั่งยืน” สูงสุดถึง 41.60 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 1,050 บาท หรือ 31.95 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเที่ยวบิน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2569 โดยจะถูกบวกเข้ากับราคาตั๋วเครื่องบินที่ขายตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนปีหน้า
ค่าธรรมเนียมนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมการบิน โดยเงินที่จัดเก็บได้จะนำไปใช้ในการจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงการบินยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel – SAF) ซึ่งผลิตจากน้ำมันใช้แล้วหรือวัตถุดิบจากพืชผลทางการเกษตร เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงจากฟอสซิล
อัตราค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับระยะทางและชั้นโดยสาร ผู้โดยสารชั้นประหยัดที่เดินทางภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะจ่ายเพิ่มเพียง 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 24 บาท)
ขณะที่เที่ยวบินไกลถึงทวีปอเมริกาจะถูกเรียกเก็บ 10.40 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 260 บาท) ส่วนผู้โดยสารชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่งจะจ่ายมากกว่าสี่เท่าของอัตรานี้ นอกจากนี้เที่ยวบินขนส่งสินค้า (cargo) ก็จะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามน้ำหนักด้วยเช่นกัน
ส่วนผู้โดยสารที่ “ต่อเครื่อง” ที่สนามบินชางงี จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนี้ โดยสิงคโปร์ถือเป็นประเทศแรกของโลกที่จัดเก็บภาษีเชื้อเพลิงยั่งยืนจากผู้โดยสาร ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะศูนย์กลางการบินระดับโลกที่มีผู้โดยสารทะลุ 68 ล้านคนในปีนี้
ทั้งนี้รัฐบาลสิงคโปร์ ตั้งเป้าหมายให้น้ำมัน SAF มีสัดส่วนการใช้งานระหว่าง 3–5% ของเชื้อเพลิงทั้งหมดภายในปี 2573 (2030) เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนของประเทศ แม้ในปัจจุบันน้ำมัน SAF จะยังมีต้นทุนสูงและมีการผลิตจำกัด
ด้านสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ระบุว่า แม้การผลิต SAF จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีที่ผ่านมา แต่ยังคิดเป็นเพียง 0.3% ของปริมาณน้ำมันเครื่องบินทั่วโลก เท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง